ลีกเลี่ยงสารทำความเย็นคุณภาพต่ำ
สำหรับสารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์ในปัจจุบันนั้น มีกฎระเบียบที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก และเรื่องของความปลอดภัย ในการเลือกสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ ที่มีมากมายในตอนนี้ แม้จะเป็นน้ำยาแอร์เบอร์เดียวกัน หรือสามารถใช้ในอุตสาหกรรมที่เหมือนกันได้ แต่ก็ยังมีความแตกต่างเช่นในเรื่องของคุณภาพ และราคา เป็นต้น
โดยเฉพาะเรื่องของ “ต้นทุน” หรือราคาของสารทำความเย็น ที่มีน้ำหนักในการตัดสินใจเลือกสารทำความเย็น อย่างไรก็ตาม ต้นทุนเป็นเพียงปัจจัยเล็กๆ เท่านั้น ถ้ามองถึงภาพรวม
การเลือกสารทำความเย็นขึ้นอยู่กับการใช้งานขึ้นอยู่กับส่วนผสม และคุณสมบัติ รวมถึงความร้อนแฝง การนำความร้อน ความหนาแน่น ความหนืด ความสามารถในการละลายของน้ำมัน ความเป็นพิษ ความสามารถในการติดไฟ ต้นทุน ความปลอดภัย ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น สารทำความเย็นคุณภาพ หรือความบริสุทธิ์ต่ำ อาจส่งผลเสียต่อคุณสมบัติที่สำคัญข้างต้น หากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานคุณภาพการผลิตที่กำหนดไว้อย่างดี จะไม่สามารถรับประกันได้ว่า ผู้ใช้สารทำความเย็นปลายทางจะทำงานได้ไม่ถึงประสิทธิภาพตามที่ต้องการ และไม่สม่ำเสมอ
Purity Standards มาตรฐานความบริสุทธิ์ ตามคู่มือของ ASHRAE ที่ระบุไว้คือ มาตรฐาน ARI 700
มาตรฐานนี้จะมีการกำหนดด้าน Purity หรือความบริสุทธิ์ ด้วยการตรวจสอบองค์ประกอบของสารทำความเย็น ความบริสุทธิ์ถูกวัดเป็นปริมาณในมาตรฐาน ARI 700 โดยมีข้อกำหนดในด้านสิ่งปนเปื้อน รวมถึงความชื้น สิ่งเจือปนที่ระเหยไม่ได้ สิ่งเจือปนที่ระเหยได้ สารตกค้าง อนุภาค ความเป็นกรด และคลอไรด์
แม้จะไม่มีกฎหมายบังคับ แต่สารทำความเย็นปฏิบัติตามมาตรฐานนี้ จะสามารถสร้างความสบายใจแก่ผู้ใช้ปลายทาง ในด้่านของประสิทธิภาพที่เสถียร และในด้านของผลกระทบที่สำคัญต่อการทำงานของระบบ การประหยัดพลังงานและความปลอดภัยของผู้ใช้ ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้สารทำความเย็นมีความบริสุทธิ์ต่ำ
ตะกอน อนุภาค และของแข็ง (solid)
ที่เป็นสถานะของสสารที่มีลักษณะแตกต่างจากแก๊สหรือของเหลว จำนวนมาก สามารถอุดตันอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบทำความเย็นได้ ส่งผลให้สารทำความเย็นเข้าสู่เครื่องระเหย ( Evaporator) มากหรือน้อยเกินไป สารตกค้างยังสามารถเคลือบพื้นผิวการถ่ายเทความร้อน ซึ่งช่วยลดความสามารถในการทำความเย็น ของแข็ง หรือ Solid ที่มีอยู่ในสารทำความเย็น ส่งผลทำให้เกิดการสึกหรอก่อนเวลาอันควร ไปจนถึงทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานล้มเหลว
ความเป็นกรดและคลอไรด์
น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ เช่น โพลิออลเอสเทอร์ (POE) ที่ใช้ในระบบทำความเย็นส่วนใหญ่ ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถดูดซับความชื้นได้มากขึ้น น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์เหล่านี้มีศักยภาพในการสลายตัวเมื่อมีความชื้นเพื่อสร้าง และเร่งกรด การก่อตัวกรดภายในระบบสามารถส่งผลเสียต่อทองแดงและเหล็ก ทำให้ท่อบางลง จนไปถึงรูรั่ว กรดยังสามารถทำลายฉนวนของมอเตอร์บางชนิดในคอมเพรสเซอร์ ส่งผลให้มอเตอร์ทำงานผิดปกติ และหยุดทำงานในที่สุด สารหล่อลื่นสามารถผสมกับกรดที่มีอยู่ในสารทำความเย็น ทำให้เกิดกากตะกอนที่ลดความสามารถในการหล่อลื่นส่วนประกอบสำคัญของระบบ
ดังนั้นสารทำความเย็นที่ไม่ได้มาตรฐานความบริสุทธิ์ ARI 700 อาจส่งผลที่เป็นอันตรายต่อไปนี้ :
- องค์ประกอบของส่วนผสมที่ไม่ถูกต้อง
- ความชื้นสูง เพิ่มการสลายตัวของสารทำความเย็นและสารหล่อลื่น ซึ่งอาจส่งผลเสียทำให้คอมเพรสเซอร์หยุดทำงาน
- การควบแน่นต่ำ จะส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น และต้นทุนพลังงานสูงขึ้น
- สารตกค้าง ส่งผลให้ระบบทำความเย็นเสียหายได้ทั้งระบบ
ดังนั้นการซื้อสารทำความเย็นคุณภาพต่ำ ที่ไม่ตรงตามมาตรฐานความบริสุทธิ์ ARI 700 ไม่เพียงทำให้ระบบเสียหายเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์จะสั้นลง และประสิทธิภาพการทำความเย็นต่ำ โดยรวมแล้วต้นทุนของผู้ประกอบการจะสูงมากขึ้น กว่าการเลือกใช้สารทำความเย็นที่มีราคาสูงขึ้นมา แต่มีมาตรฐาน และคุณภาพอีกด้วย
ดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้นการเลือกสารทำความเย็นที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจะส่งผลเสียให้ลูกค้าได้รับสารทำความเย็นที่ไม่มีคุณภาพและก่อให้เกิดผลเสียตามมามากมาย หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสารทำความเย็น สามารถโทรสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ น้ำยาแอร์ดอทคอมศูนย์รวมน้ำยาตู้เย็นทุกชนิดที่ Line@namyaair หรือ โทร. 0943413124
สนใจสั่งซื้อน้ำยาแอร์ กับน้ำยาแอร์ดอทคอม โทรเลย 0943413124
Add Line : @namyaair เพื่อสอบถามรายละเอียด เกี่ยวกับน้ำยาแอร์ คลิ๊กเลย