สารทำความเย็นของตู้แช่และห้องเย็น ในประเทศไทยสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ที่นิยมใช้กัน เป็นสารเคมีที่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ เพราะประเทศไทยยังไม่สามารถที่จะผลิตสารทำความเย็นขึ้นเองได้ ถูกนำเข้ามาเพื่อใช้งานในระบบทำความเย็นต่างๆ ทั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้านเรือน อาคาร รถยนต์ ห้างสรรพสินค้า ตู้แช่และห้องเย็น รวมทั้งอุตสาหกรรมทั่วไปด้วยที่ต้องใช้อุณภูมิความเย็นในการจัดเก็บสินค้าต่างๆ โดยในที่นี้จะแยกในส่วนของน้ำยาที่ใช้สำหรับตู้แช่และห้องเย็น ส่วนใหญ่ในประเทศของเรานั้นปัจจุบันนิยมและใช้น้ำยาแอร์ชนิดไหนกันบ้าง แต่ละชนิดมีส่วนประกอบและคุณสมบัติอย่างไร ในระบบตู้แช่และห้องเย็น น้ำยาแอร์หลักๆที่ใช้กันแบ่งตามรายละเอียดต่างๆได้ดังนี้ R404A เป็นสารทำความเย็นที่มีส่วนผสมของน้ำยา 3 ชนิดรวมกัน (R125+R143+R134a) คุณสมบัติไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ติดไฟ ประหยัดพลังงาน มีค่าแรงดันที่อุณหภูมิ 30C◦ อยู่ที่ 170-180 Psi จุดเดือดอยู่ที่ -46.6 C◦ ใช้ในอุณหภูมิติดลบ ใช้ในสินค้าพวกตู้แช่ห้องเย็นและอุตสาหกรรมทำความเย็น ถ้าน้ำยาแอร์ในระบบขาดต้องปล่อยทิ้งแล้วเติมใหม่ทั้งหมด โดยสามารถใช้เกจ์วัดแรงดันในการเช็คระบบให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม R507 เป็นสารทำความเย็นที่มีส่วนผสมของน้ำยา 2 ชนิด (R125+R143) มีค่าแรงดัน ที่อุณหภูมิ 30C◦ อยู่ที่ 180-190 Psi จุดเดือดอยู่ที่ -47.1 C◦ มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นสูง ใช้ในสินค้าตู้แช่ห้องเย็นและอุตสาหกรรมทำความเย็น จะเห็นว่าไม่มี R134a
Tag Archives: น้ำยาแอร์ R1234yf กระบี่ ยี่ห้อไหนดี
ทำความรู้จักกับน้ำยาแอร์ R1234yf น้ำยาแอร์รถยนต์รักษ์โลกในอนาคต ในปัจจุบันโลกของเราประสบปัญหาสภาวะเรือนกระจก ทำให้โลกมีอุณภูมิอากาศที่ร้อนสูงขึ้น เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง รถยนต์เองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนได้ และน้ำยาแอร์ที่ใช้กับรถยนต์อย่างแพร่หลายในปัจจุบันคือ R134a ซึ่งน้ำยาแอร์ชนิดนี้มีผลในระยะยาวทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน ดังนั้นจึงมีการพัฒนาน้ำยาแอร์รถยนต์ มีชื่อเรียกว่า R1234yf เพื่อช่วยลดมลภาวะโลกร้อน เป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมรักษ์โลกได้อีกทางด้วย น้ำยาแอร์รถยนต์ R1234yf ปัจจุบันได้เริ่มใช้งานในรถยนต์ที่ผลิตในประเทศแถบยุโรป ในบางยี่ห้อ เช่น ฟอร์ดมัสแตง แอสตั้นมาร์ติน เป็นต้น ปัจจุบันในประเทศไทย น้ำยาตัวนี้ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายเนื่องจากปริมาณการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำยาตัวนี้ยังไม่มากนัก ประกอบกับตัวน้ำยายังมีราคาสูง ในประเทศไทยได้เริ่มมีการนำเข้ามาจำหน่าย และการใช้งานน้ำยาแอร์ชนิดนี้อยู่บ้างแล้ว สารชนิดนี้เป็นสารประเภท HFOs (Hydrofluoroolefin) สามารถใช้ทดแทน R134a ได้แบบทันที ค่าชี้วัดเรื่องสภาวะที่ส่งผลกับระบบมลภาวะ ได้มีการกำหนดไว้ 2 ตัวชี้วัดดังนี้ – ODP (Ozone Depletion Potential) จะเทียบกับสารทำความเย็น CFC หรือสาร ODS ชนิดแรกของโลกว่าด้วยเรื่องของการทำลายชั้นบรรยากาศโลกหรือชั้นโอโซน – GWP (Global Warming Potential) จะเทียบกับคาร์บอนไดออกไซด์หรือ CO2
ปัจจุบันในท้องตลาดมีน้ำยาแอร์จำหน่ายอยู่มากมายหลายยี่ห้อ หลากหลายคุณภาพ ในปัจจุบันน้ำยาแอร์รถยนต์ที่ใช้งานอยู่จะมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ น้ำยาแอร์ R134a และ น้ำยาแอร์ R1234yf ส่วนมากรถยนต์ที่ใช้ในปัจจุบันจะใช้น้ำยาแอร์ชนิด R134a มากกว่า R1234yf วันนี้เราจะขอพูดถึงน้ำยาแอร์รถยนต์ R134a ว่ามีองค์ประกอบและข้อควรรู้ในการเลือกซื้ออย่างไร เพื่อการเลือกซื้อและใช้งานได้อย่างถูกวิธี น้ำยาแอร์รถยนต์ R134a สามารถเติมน้ำยาแอร์เพิ่มได้เลยหากน้ำยาแอร์ในระบบรถยนต์ขาดหรือรั่ว เพราะด้วยคุณสมบัติของตัวน้ำยาเป็นสารประกอบเดี่ยวไม่มีส่วนผสมของน้ำยาชนิดอื่น จึงทำการ top-up ได้เลย และยังมีความปลอดภัยในการใช้งานเนื่องด้วยคุณสมบัติทำให้มีความเย็นบริสุทธิ์สูงสุด ไม่มีความเป็นพิษ ไม่ติดไฟ มีความปลอดภัย มีความชื้นต่ำ นอกจากนี้ น้ำยาแอร์รถ R134a เป็นสารที่ไม่ทำลายโอโซนทำให้ลดสภาวะโลกร้อนได้อย่างดี ในด้านราคา แต่ละยี่ห้อตามท้องตลาดมีความใกล้เคียงกันไม่แตกต่างกันมากนัก ส่วนราคาที่ถูกหรือแพงไม่ได้เป็นสิ่งที่จะตัดสินเรื่องของคุณภาพยี่ห้อของน้ำยาแอร์นั้นๆ ดังนั้นควรดูองค์ประกอบอื่นๆอย่างเช่น ความบริสุทธิ์ของน้ำยา , ค่าความชื้น เป็นต้น เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ยี่ห้อ ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ควรรู้ ควรพิจารณาเลือกซื้อจากยี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือได้ สามารถที่จะให้ใบรับรองคุณภาพและมาตรฐานเรื่องการผลิตได้และมีทีมบริการหลังการขาย เพราะส่วนใหญ่จะไม่ได้นึกถึงเมื่อซื้อไปแล้ว แล้วมีปัญหาเกิดขึ้น การบริการหลังการขายนับเป็นเรื่องสำคัญ ประสบการณ์ของตัวแทนจำหน่าย ควรเลือกตัวแทนจำหน่ายที่มีประสบการณ์เพื่อจะได้แนะนำและให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับการใช้งาน ตัวแทนจำหน่ายที่มีประสบการณ์จะทำงานอย่างเป็นระบบ