น้ำยาแอร์คุณภาพดูจากอะไรบ้าง คุณสมบัติที่ดีของน้ำยาแอร์มีอะไรบ้าง
สำหรับน้ำยาแอร์ หรือสารทำความเย็นในปัจจุบัน มีกฎระเบียบที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก และเรื่องของความปลอดภัยตัวเลือกสารทำความเย็นที่มีมากมายในตอนนี้ แม้จะเป็นน้ำยาเบอร์เดียวกัน หรือสามารถใช้ในอุตสาหกรรมที่เหมือนกันได้ แต่ก็ยังมีความแตกต่างเช่นในเรื่องของคุณภาพ และราคา ฯลฯ
โดยเฉพาะเรื่องของ “ต้นทุน” หรือราคาของสารทำความเย็น ที่มีน้ำหนักในการตัดสินใจเลือกสารทำความเย็น อย่างไรก็ตาม ต้นทุนเป็นเพียงปัจจัยเล็กๆ เท่านั้น ถ้ามองถึงภาพรวม
-
การเลือกสารทำความเย็น
ขึ้นอยู่กับการใช้งานขึ้นอยู่กับส่วนผสม และคุณสมบัติ รวมถึงความร้อนแฝง, การนำความร้อน, ความหนาแน่น, ความหนืด, ความสามารถในการละลายของน้ำมัน, ความเป็นพิษ, ความสามารถในการติดไฟ, ,ความปลอดภัย, ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
𝗣𝘂𝗿𝗶𝘁𝘆 𝗦𝘁𝗮𝗻𝗱𝗮𝗿𝗱𝘀
มาตรฐานความบริสุทธิ์ มาตรฐานนี้จะมีการกำหนดด้าน Purity หรือความบริสุทธิ์ ด้วยการตรวจสอบองค์ประกอบของสารทำความเย็น ความบริสุทธิ์ถูกวัดเป็นปริมาณในมาตรฐาน โดยมีข้อกำหนดในด้านสิ่งปนเปื้อน รวมถึงความชื้น สิ่งเจือปนที่ระเหยไม่ได้ สิ่งเจือปนที่ระเหยได้ สารตกค้าง อนุภาค ความเป็นกรด และคลอไรด์
แม้จะไม่มีกฎหมายบังคับ แต่สารทำความเย็นปฏิบัติตามมาตรฐานนี้ จะสามารถสร้างความสบายใจแก่ผู้ใช้ปลายทาง ในด้kนของประสิทธิภาพที่เสถียร และในด้านของผลกระทบที่สำคัญต่อการทำงานของระบบ การประหยัดพลังงานและความปลอดภัยของผู้ใช้ ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้สารทำความเย็นมีความบริสุทธิ์ต่ำ
สิ่งเจือปนหรือการปนเปื้อน (Volatile Impurities) กำหนดปริมาณสิ่งเจือปนหรือการปนเปื้อน ที่อาจทำให้เกิดปัญหามากมาย รวมถึงการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงความสามารถในการทำความเย็นที่ลดลง การสึกหรอของอุปกรณ์ก่อนเวลาอันควรเพราะเมื่อองค์ประกอบของสารทำความเย็นมีการเปลี่ยนแปลงด้วยสิ่งเจือปน คุณสมบัติของสารทำความเย็นตัวนั้นก็จะหายไปด้วย
ความเป็นกรดและคลอไรด์
น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ เช่น โพลิออลเอสเทอร์ (POE) ที่ใช้ในระบบทำความเย็นส่วนใหญ่ ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถดูดซับความชื้นได้มากขึ้น
น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์เหล่านี้มีศักยภาพในการสลายตัวเมื่อมีความชื้นเพื่อสร้าง และเร่งกรด
การก่อตัวกรดภายในระบบสามารถส่งผลเสียต่อทองแดงและเหล็ก ทำให้ท่อบางลง จนไปถึงรูรั่ว กรดยังสามารถทำลายฉนวนของมอเตอร์บางชนิดในคอมเพรสเซอร์ ส่งผลให้มอเตอร์ทำงานผิดปกติ และหยุดทำงานในที่สุด
ตะกอน อนุภาค และของแข็ง (solid)
ที่เป็นสถานะของสสารที่มีลักษณะแตกต่างจากแก๊สหรือของเหลว จำนวนมาก สามารถอุดตันอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบทำความเย็นได้
ส่งผลให้สารทำความเย็นเข้าสู่เครื่องระเหย ( Evaporator) มากหรือน้อยเกินไป สารตกค้างยังสามารถเคลือบพื้นผิวการถ่ายเทความร้อน ซึ่งช่วยลดความสามารถในการทำความเย็น ของแข็ง หรือ Solid ที่มีอยู่ในสารทำความเย็น ส่งผลทำให้เกิดการสึกหรอก่อนเวลาอันควร ไปจนถึงทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานล้มเหลว
สารหล่อลื่นสามารถผสมกับกรดที่มีอยู่ในสารทำความเย็น ทำให้เกิดกากตะกอนที่ลดความสามารถในการหล่อลื่นส่วนประกอบสำคัญของระบบ
ดังนั้นสารทำความเย็นที่ไม่ได้มาตรฐานความบริสุทธิ์ อาจส่งผลที่เป็นอันตรายต่อไปนี้
- องค์ประกอบของส่วนผสมที่ไม่ถูกต้อง
- ความชื้นสูง เพิ่มการสลายตัวของสารทำความเย็นและสารหล่อลื่น ซึ่งอาจส่งผลเสียทำให้คอมเพรสเซอร์หยุดทำงาน
- สารตกค้าง ส่งผลให้ระบบทำความเย็นเสียหายได้ทั้งระบบ
ดังนั้นการซื้อสารทำความเย็นคุณภาพต่ำ ที่ไม่ตรงตามมาตรฐานความบริสุทธิ์ ไม่เพียงทำให้ระบบเสียหายเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์จะสั้นลง และประสิทธิภาพการทำความเย็นต่ำ โดยรวมแล้วต้นทุนของผู้ประกอบการจะสูงมากขึ้น กว่าการเลือกใช้สารทำความเย็นที่มีราคาสูงขึ้นมา แต่มีมาตรฐาน และคุณภาพอีกด้วย หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสารทำความเย็น สามารถโทรสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ น้ำยาแอร์ดอทคอมศูนย์รวมน้ำยาตู้เย็นทุกชนิดที่ Line : @namyaair หรือ โทร. 094-341-3124