ทำความรู้จักระบบของเหลวในรถยนต์ มีอะไรบ้าง และควรเปลี่ยนตอนไหน

ทำความรู้จักระบบของเหลวในรถยนต์ มีอะไรบ้าง และควรเปลี่ยนตอนไหนดี

สังคมไทยในปัจจุบัน มีการใช้รถยนต์กันมากขึ้น ซึ่งในแต่ละปี ยอดการผลิตรถยนต์เพิ่มมากขึ้นทุกปี การมีรถยนต์ใช้ส่วนตัวทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายมากขึ้น ในขณะเดินทาง ยิ่งช่วงหน้าร้อนอากาศยิ่งร้อนจัด ทำให้ทุกคนไม่อยากออกไปข้างนอก ถ้าจำเป็นต้องออก ก็จะใช้รถยนต์ส่วนตัวจะสบายกว่า เพราะในรถยนต์มีเครื่องปรับอากาศ ทำให้เราผ่อนคลายความร้อนได้ ในขณะเดินทาง และของเหลมในรถยนต์ ก็มีส่วนสำคัญ ในการขับเคลื่อนของรถยนต์ อาทิเช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำยาหล่อเย็น น้ำมันเฟืองท้าย ล้วนเป็นส่วนสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในรถยนต์ ที่มีกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่าย ซึ่งผู้ใช้รถยนต์ต้องหมั่นดูแลรักษาและคอยตรวจเช็คให้อยู่ในสถานะที่สมบูรณ์ เรามาทำความรู้จัก ของเหลวในรถยนต์ดังต่อไปนี้

  1. น้ำมันเครื่อง
    น้ำมันเครื่อง

    ถือเป็นของเหลวที่ต้องเปลี่ยนบ่อยมากที่สุด เพราะมีหน้าที่หล่อลื่น ลดการเสียดสี และ ความร้อนของเครื่องยนต์ การเปลี่ยนตามกำหนดเวลาจึงช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องเย็นโดยตรง กำหนดให้เปลี่ยนทุกๆ 8,000 – 10,000 กม. หรือทุกๆ 6 เดือน (แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อนกัน)

  1. น้ำมันเพาเวอร์ หรือ น้ำมันสำหรับระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ ช่วยให้หมุนพวงมาลัยได้อย่างเบาแรง

ยกเว้นในรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไปใช้พวงมาลัยไฟฟ้า ควรหมั่นตรวจเช็กและเติมให้อยู่ในระดับปกติเสมอ ไม่ควรเติมมากเกินไป เพราะจะขยายตัวเพิ่มเมื่อได้รับความร้อน และควรเปลี่ยนทุกๆ 80,000 กม. (หรือตามระยะที่กำหนดในคู่มือแต่ละรุ่น)

  1. น้ำยาเติมหม้อน้ำ
    น้ำยาเติมหม้อน้ำ
    หรือน้ำยาหล่อเย็น ปกติแล้ว ทั่วไปจะเช็คระดับน้ำเป็นประจำทุกสัปดาห์ หากพบว่าระดับน้ำลดลง ควรเติมน้ำยาหล่อเย็นลงไปแทนน้ำเปล่า เพราะมีจุดเดือดสูงกว่าและ ช่วยลดการเกิดสนิมในระบบ น้ำยาหล่อเย็นมี แบบสูตรผสมน้ำและไม่ต้องผสมน้ำ มีให้เลือก แล้วแต่ว่าเราต้องการจะใช้แบบไหน และควรเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 6-9 เดือน หรือ 50,000 กม. เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานที่สูงสุด
  1. น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย เกียร์และเฟืองท้ายเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนของรถยนต์

เพราะต้องทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อ และจำเป็นต้องมีน้ำมันเกียร์หรือน้ำมันเฟืองท้ายในระบบ เพื่อลดแรงเสียดทาน ชะล้างสิ่งสกปรก และลดการสึกหลอของเกียร์ ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ ซึ่งควรเปลี่ยนทุกๆ 30,000 – 40,000 กม.

  1. น้ำมันเบรก
    น้ำมันเบรก

    มีหน้าที่ในการชะลอความเร็วหรือหยุดรถยนต์ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกเมื่อถึงเวลาที่กำหนด โดยปตกิแล้วน้ำมันเบรกควรเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 40,000 กม. หรือใช้รถยนต์น้อยก็เปลี่ยนทุกๆ 1 ปี และผู้ใช้รถยนต์ควรหมั่นตรวจสอบให้น้ำมันเบรกอยู่ที่ระดับปกติเสมอ หากพบว่าน้ำมันเบรกน้อยลงกว่าปกติควรนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการใกล้บ้านทันที
  1. น้ำมันคลัตช์ โดยส่วนใหญ่ ผู้ใช้รถยนต์จะได้รับคำแนะนำ ให้เปลี่ยนน้ำมันคลัตช์พร้อมกับน้ำมัน

เบรก เนื่องจากมีระยะการใช้งานที่พอๆกัน อยู่ที่ประมาณ 6-8 เดือน จึงควรเปลี่ยนตามคำแนะนำของศูนย์บริการเพื่อให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ของรถเรา

  1. น้ำยาฉีดกระจก และน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ก็เช่นกัน ผู้ใช้รถยนต์จะต้องคอยดูแลและบำรุงรักษาเป็น

ประจำ เพื่อป้องกันการเสียหายของรถยนต์เราได้    

เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว อย่าลืมหมั่นตรวจเช็ค ระบบของเหลวในรถยนต์ของเราเบื้องต้นด้วยต้นเองกันบ่อยๆ จะช่วยทำให้รถยนต์คันโปรดของเราอยู่กับเราได้นานขึ้น การดูแลรักษาเป็นประจำและสังเกตความผิดปกติอยู่เสมอ ก็จะช่วยลดความเสียหายที่อาจจะนำไปสู่ค่าซ่อมบำรุงที่สูงก็เป็นได้ หากท่านพบเจอปัญหาของแอร์ไม่เย็นหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลแอร์รถยนต์ หรือ น้ำยาแอร์บ้าน อะไหล่แอร์บ้าน สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ น้ำยาแอร์ดอทคอมจำหน่ายน้ำยาแอร์บ้านทุกยี่ห้อ และอุปกรณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบแอร์บ้านที่มีคุณภาพมาตรฐาน และมีพนักงานบริการตอบคำถามให้คำแนะนำจากประสบการณ์ด้านการจำหน่ายน้ำยาแอร์มากว่า 20 ปี ติดต่อที่ Line @namyaair หรือโทร 0943413124

 

สนใจสั่งซื้อน้ำยาแอร์ กับน้ำยาแอร์ดอทคอม โทรเลย 0943413124

Add Line : @namyaair เพื่อสอบถามรายละเอียด เกี่ยวกับน้ำยาแอร์ คลิ๊กเลย

 

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *