เลือกเครื่องปรับอากาศแบบไหนดี 2023
แอร์ Inverter
แอร์ที่มีอินเวอร์เตอร์จะถูกออกแบบมาเพื่อลดความเร็วของมอเตอร์ แต่มันจะทำงานอย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลาเพื่อให้ความเย็นที่สม่ำเสมอแก่เรา หลาย ๆ คนอาจคิดว่าการที่เครื่องทำงานตลอดเวลาอาจฟังดูเหมือนสิ้นเปลืองไฟหรือเปล่า? แต่จริง ๆ แอร์แบบ Inverter จะทำงานแบบหนัก-เบาสลับกันไป กล่าวคือมันสามารถเปลี่ยนระดับความเร็วของมอเตอร์ได้ โดยช่วงที่เบานั้นจะเป็นการติดเครื่องรอไว้ ทำให้แอร์ประเภทนี้ไม่ต้องดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ทุกครั้งเหมือนแอร์ทั่วไป
แอร์ทั่วไป non-Inverter
ในขณะที่แอร์แบบไม่มีอินเวอร์เตอร์นั้นตัวมอเตอร์จะเร่งทำความเย็นอย่างเต็มที่เต็มกำลัง จากนั้นมันก็จะดับเครื่องลงเมื่ออุณหภูมิในห้องเท่ากับอุณหภูมิที่เราตั้งค่าเอาไว้ และเมื่ออุณหภูมิภายในห้องต่ำกว่าที่กำหนด ตัวมอเตอร์ก็จะกลับมาทำงานใหม่อีกครั้ง กล่าวคือแอร์ชนิดนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนระดับความเร็วของมอเตอร์ได้เลย ทำได้เพียงทำงานกับหยุดทำงานเท่านั้น ซึ่งการทำงานแบบติด ๆ ดับ ๆ เช่นนี้จะกินไฟมากกว่า ทั้งยังส่งผลต่ออายุการใช้งานให้สั้นลงอีกด้วย
-
เลือกแอร์กี่ BTU ดี?
การเลือกขนาด BTU นั้น จะขึ้นอยู่กับขนาดของห้องที่เราต้องการติดตั้ง ไม่จำเป็นว่าแอร์ที่ดีจะต้องมี BTU สูง ๆ เสมอไป เพราะ BTU ไม่ใช้ตัววัดคุณภาพของแอร์ หากคุณเลือก BTU ให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง มันก็จะช่วยประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานได้มากกว่า
ตัวอย่าง เช่น
9000BTU ใช้กับห้องขนาด 12-15 ตร.ม. โดนแดด 12-14 ตร.ม.
12000BTU ใช้กับห้องขนาด 16.20 ตร.ม. โดนแดด 14-18 ตร.ม.
-
เลือกแอร์ที่ประหยัดพลังงาน
นอกจากแอร์ที่มีระบบ Inverter แล้ว การเลือกแอร์ที่มีมีสัญลักษณ์ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายที่สุด สำหรับคนที่ต้องการเครื่องปรับอากาศแบบประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี
-
เลือกฟังก์ชันการใช้งานที่ตรงตามความต้องการของคุณ
แอร์ในปัจจุบันนี้ไม่เพียงแต่ทำความเย็นอย่างเดียว แต่เพื่อให้มันสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้นหลาย ๆ แบรนด์ก็เริ่มผลิตเครื่องปรับอากาศที่สามารถกรองฝุ่นฟอกอากาศได้, ควบคุมความเย็นอัตโนมัติ, สั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน หรือสามารถทำความสะอาดตัวเองได้อัตโนมัติ ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาเครื่องปรับอากาศที่มีฟังก์ชันหลากหลาย ก็อย่าลืมคำนึงถึงการใช้งานจริงเป็นหลักด้วยนะคะ
-
เลือกน้ำยาทำความเย็น R32
แอร์ที่จะใช้น้ำยาทำความเย็นแบบ R32 จะเป็นแอร์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะน้ำยาตัวนี้สามารถทำความเย็นดีกว่าน้ำยาทั่วไป ทำให้เครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงานมากขึ้นนั่นเอง
-
เลือกค่า EER หรือ SEER ยิ่งสูงยิ่งดี
โดยปกติแล้วเราจะเจอค่า EER (Energy Efficiency Ratio) และค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) ในรายละเอียดของเครื่องปรับอากาศอยู่บ่อย ๆ จนทำให้หลายคนอาจสงสัยว่าค่า EER และ SEER คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร ?
- ค่า EER เป็นค่าสำหรับใช้วัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ ว่ามันทำความเย็นได้ดีมากน้อยเพียงใด โดยจะคำนวณจากขนาดของ BTU, ชั่วโมงที่ทำงาน และกำลังไฟที่ใช้ ดังนั้นยิ่งค่า EER สูงก็แสดงว่าเครื่องปรับอากาศตัวนั้นทำความเย็นได้ดีและประหยัดพลังงานได้มากกว่านั่นเอง โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะดูค่า EER ได้จากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ส่วนค่า SEER หมายถึงค่าที่ใช้วัดประสิทธิภาพในการใช้พลังงานตามการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ทำให้การคำนวณค่า SEER ออกมามีความใกล้เคียงความเป็นจริงมากกว่าค่า EER แนะนำให้เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER สูงไว้ก่อน เพราะหมายความว่าจะประหยัดไฟได้มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ยิ่งประหยัดไฟได้มากเท่าไหร่ ราคาของเครื่องปรับอากาศก็จะยิ่งสูงตามมากขึ้นเท่านั้น
# หากต้องการคำแนะนำหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับน้ำยาแอร์ สามารถโทรติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ น้ำยาแอร์ดอทคอม ศูนย์รวมน้ำยาทำความเย็นทุกชนิด ที่ Line @namyaair หรือ โทร. 0943413124
สนใจสั่งซื้อน้ำยาแอร์ กับน้ำยาแอร์ดอทคอม โทรเลย 0943413124
Add Line : @namyaair เพื่อสอบถามรายละเอียด เกี่ยวกับน้ำยาแอร์ คลิ๊กเลย