Author Archives: nobel23

ต้นเหตุของแอร์เหม็นอับและวิธีแก้ไข

ต้นเหตุของแอร์เหม็นอับและวิธีแก้ไข               เมื่อเช้าสู่ช่วงหน้าฝน ปัญหาที่กวนใจที่สุดที่หลายๆคนต้องเจอกัน นั่นก็คือ “กลิ่นแอร์เหม็นอับ “ ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด แต่ไม่ต้องกังวล เราจะมาแก้ไขปัญหาว่าทำไมแอร์ถึงเหม็นอับและมีวิธีแก้ไขอย่างไร ก่อนอื่นเราต้องทำความรู้จักกับศัตรูตัวร้ายที่มาอยู่ในเครื่องปรับอากาศกันก่อน ฝุ่นละออง  ฝุ่นสะสมในแผ่นกรองอากาศหรือคอยล์เย็นไม่ได้แค่ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น แต่ยังเป็นอาหารชั้นดีของการเกิดเชื้อราและแบคทีเรียได้อีกด้วย ยิ่งเกิดฝุ่นมาก ยิ่งทำให้มีโอกาสเกิดกลิ่นเหม็นอับมากยิ่งขึ้น เชื้อรา  ความชื้นที่เกิดภายในตัวเครื่องปรับอากาศจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของพวกเชื้อรา โดยเฉพาะถาดน้ำทิ้ง คอยล์เย็น เป็นต้น เชื้อราชอบอากาศอัพชื้น และเมื่อเกิดการเจริญเติบโต มันก็จะปล่อยกลิ่นอับออกมา แบคทีเรีย แบคทีเรียก็มักจะอาศัยในเครื่องปรับอากาศเหมือนกัน โดยเฉพาะในส่วนที่มีน้ำขัง พวกมันจะเจริญเติบโตและปล่อยกลิ่นเหม็นเน่าออกมา ทำให้อากาศอับชื้น แหล่งน้ำที่ขัง  หากระบบระบายน้ำของเครื่องปรับอากาศมีปัญหา ทางเดินน้ำที่ควรจะไหลออกก็จะไปขังอยู่ในเครื่องแทน  ทำให้เกิดแหล่งเพาะเชื้อโรคและทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับออกมานั่นเอง สัตว์เล็กๆ  บางครั้งอาจจะมีแมลงขนาดเล็กๆแอบเข้าไปอาศัยอยู่ในเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเมื่อมันตาย ก็จะส่งกลิ่นเหม็นออกมาได้ วิธีแก้ไขปัญหากลิ่นอับในเครื่องปรับอากาศ ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ     แผ่นกรองอากาศทำหน้าที่เหมือนเป็นด่านแรกในการกรองฝุ่น เชื้อโรค และสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่ให้เข้าไปสะสมภายในระบบเครื่องปรับอากาศ การทำความสะอาดแผ่นกรองอย่างเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทำความสะอาดภายในและภายนอก  การทำความสะอาดและดูแลรักษาทำความสะอาดของตัวเครื่องปรับอากาศภายในและภายนอก ให้ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องเบาๆ อย่าให้น้ำเข้าไปในช่องระบายอากาศ ส่วนการทำความสะอาดภายใน ก็เป็นสิ่งจำเป็น ให้ทำการเปิดฝาเครื่องแล้วใช้ผ้าชุปน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดภายในเลาๆ โดยเฉพาะบิรเวณครีบระบายความร้อนที่มักจะเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและเชื้อรา แต่สิ่งที่ต้องระวังคืออย่าให้น้ำสัมผัสกับส่วนที่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าเด็ดขาด

9 วิธีใช้เครื่องปรับอากาศ ให้ประหยัดค่าไฟ

9 วิธีใช้เครื่องปรับอากาศ ให้ประหยัดค่าไฟ              อากาศร้อน ๆ จะเปิดแอร์ทั้งวันให้ฉ่ำกาย สบายใจ ก็เกรงค่าไฟจะเพิ่มสูงขึ้นตามอุณหภูมิความร้อน อีกทั้งยังเปลืองพลังงานอีกด้วย BnB home จึงอยากช่วยคุณให้เย็นกาย เย็นใจ คลายความร้อนจากทั้งอากาศและบิลค่าไฟ ด้วยการแนะนำวิธีใช้แอร์อย่างไร ให้ประหยัดค่าไฟในช่วงที่อากาศร้อน ๆ           1. ล้างแอร์เป็นประจำ           หากใช้แอร์เป็นประจำ ก็ควรล้างแอร์เป็นประจำ จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ ซึ่งเวลาที่เหมาะสมคือ ทุก 6 เดือน หรือสามารถดูตามความเหมาะสมในการใช้งานแอร์ได้เลย เช่น หากเปิดแอร์แล้วไม่เย็น เบื้องต้นให้ถอดแผ่นกรองอากาศออกมาล้างทุก 2 – 3 เดือน เพราะแอร์ที่ใช้งานบ่อย ๆ จะทำให้มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกสะสมอยู่ หากไม่ทำความสะอาด แอร์จะทำงานหนัก และกินไฟมากกว่าเดิม           2. เปิดห้องเพื่อระบายอากาศ           ก่อนเปิดแอร์เปิดประตู หน้าต่าง ให้อากาศหมุนเวียนเข้าไปในห้องที่กำลังจะเปิดแอร์ ช่วยระบายความร้อนที่สะสมอยู่ในห้องก่อน เมื่อเปิดแอร์ ก็จะทำให้อุณหภูมิในห้องเย็นได้เร็วขึ้น แอร์จะได้ไม่ทำงานหนักเกินไป

อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับตู้เย็นและช่องแช่แข็ง

อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับตู้เย็นและช่องแช่แข็ง        สำหรับเครื่องทำความเย็นหรือตู้เย็น มีบทบาทความสำคัญในการรักษาคุณภาพของอาหารเป็นอย่างมาก  ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็นตามบ้านเรือนที่พักอาศัย หรือ  ตู้แช่ และตู้โชว์สินค้า อุณหภูมิบนอุปกรณ์ทำความเย็นจะช่วยให้เราตรวจสอบอุณหภูมิที่เก็บสินค้าและอาหารได้ สินค้าและอาหารบางชนิดไม่เหมาะสำหรับการแช่แข็ง เช่น ผักและผลไม้สด เพราะอาจจะเสียคุณค่าและรสชาติได้ อุณหภูมิในการจัดเก็บที่เหมาะสมที่สุดจะแตกต่างกันไปตามสินค้านั้นๆ  ตู้เย็นควรมีอุณหภูมิเท่าไร และชั้นวางไหนดีที่สุดสำหรับอาหารประเภทใด  การเก็บอาหารแช่เย็นด้วยอุณหภูมิตู้เย็น หรือตู้แช่ที่เหมาะสม จะช่วยให้อาหารมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น คงคุณภาพ ความสด และคุณค่าทางโภชนาการของสินค้าได้อีกด้วย         อุณหภูมิโดยรวมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตู้เย็นในครัวเรือนคือระหว่าง 0°C ถึง 4°C และ -17°C ถึง -19°C ในส่วนของช่องแช่แข็ง  อุณหภูมิตู้เย็นที่เหมาะสม จะสามารถเก็บอาหารด้วยการทำความเย็นและรับประทานได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ และชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่องแช่แข็งสามารถเก็บอาหารให้สดและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ โดยแบ่งออกเป็น ช่องแช่แข็ง (Freezer Compartment) อุณหภูมิ (-17 ถึง -23°C) สำหรับเนื้อดิบ ไอศกรีม น้ำแข็ง อาหารแช่แข็ง เป็นต้น สามารถเก็บความเย็นได้ยาวนาน ในกรณีไฟดับ หลีกเลี่ยงการเปิดฝาส่วนช่องแช่แข็ง อาหารของคุณจะยังคงความสดโดยที่ไม่ได้ใช้พลังงานเลยได้อีกหลายชม. ช่องแช่เย็น (Chiller

น้ำยาแอร์แบบไหนที่เป็นอันตราย

น้ำยาแอร์แบบไหนที่เป็นอันตราย หลายปีที่ผ่านมา เราเจอปัญหา ก๊าซเรือนกระจกที่ปกคลุมโลกจะกักเก็บความร้อนจากดวงอาทิตย์ไว้บนโลก ซึ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในปัจจุบันภาวะโลกร้อนกำลังเกิดขึ้นเร็วมาก ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสมดุลของธรรมชาติ และจะก่อให้เกิดความเสี่ยงมากมายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลกใบนี้ เรื่องของน้ำยาแอร์ก็ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม และมีอันตรายต่อมนุษย์ เมื่อสูดดมเข้าไป แต่จะมีใครรู้หรือไม่ว่า น้ำยาแอร์ในสมัยใหม่ ก่อให้เกิดผลเสียเหล่านี้น้อยลงแล้วในปัจจุบัน น้ำยาแอร์ เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมเย็นของระบบทำความเย็น ซึ่งอาจจะแบ่งได้หลายประเภทตามขนาดการใช้งานที่เหมาะสม สำหรับเครื่องทำความเย็น บทความนี้จะช่วยให้เราได้เข้าใจว่า น้ำยาแอร์แบบไหนที่เป็นอันตรายบ้าง น้ำยาแอร์ที่ไม่อันตราย หมายถึง น้ำยาแอร์ที่ไม่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้ 1.น้ำยาแอร์ที่ไม่ทำลายชั้นโอโซน ( Ozone Depletion Potential หรือ OPD = ๐ )               – R410A เป็นน้ำยาแอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ประกอบด้วยสาร R125 และ R32 ผสมกัน มีประสิทธิภาพการทำความเย็นสูง ไม่ทำลายชั้นโอโซน แต่มี ค่า GWP (Global Warming

ระบบทำความเย็นและระบบปรับอากาศแตกต่างกันอย่างไร

ระบบทำความเย็นและระบบปรับอากาศแตกต่างกันอย่างไร               ปัจจุบันระบบทำความเย็นและระบบปรับอากาศมีหน้าที่เหมือนกัน นั่นคือ สร้างอากาศให้เกิดความเย็น แต่ก็มีความแตกต่างกันในบางรายละเอียด เช่น วัตุประสงค์ อุณภูมิ ไปจนถึงสารทำความเย็น               ระบบทำความเย็น  คือการทำความเย็น นั่นหมายถึง การนำความร้อนจากสารหรือวัตถุที่ต้องการทำความเย็นออกไป โดยเน้นการระบายความร้อนเป็นหลัก ทำให้อุณภูมิลดลงตามความต้องการ               ระบบปรับอากาศ คือ กระบวนการขจัดความร้อนและความชื้นออกไป เพื่อทำให้ได้สภาพแวดล้อมภายในที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น จากที่เราเห็นในการใช้ชีวิตประจำวันโดยทั่วไป อย่างการกระจายเครื่องปรับอากาศไปยังพื้นที่ต่างๆในอาคาร บ้านเรื่อ เพื่อให้ได้ความสะดวกสบายและคุณภาพอากาศแก่ผู้พักอาศัย โดยจะครอบคลุมถึงเทคโนโลยีอื่นๆในด้านการปรับอากาศที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานะของอากาศได้ด้วย เช่น การระบายอากาศ การกรองอากาศ เป็นต้น ความแตกต่างระหว่างระบบทำความเย็นและระบบปรับอากาศมีดังนี้ วัตุประสงค์ ระบบทำความเย็น จะมีเป้าหมายในการทำงานเป็นการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ของสินค้า ที่มีการเน่าเสียได้ง่าย โดยการรักษาในอุณหภูมิที่ต่ำและสม่ำเสมอ เช่น ตู้แช่แข็ง และห้องเย็น เพื่อช่วยในการชะลอการเน่าเสียและช่วยยืดอายุการเก็บอาหาร เครื่องดื่ม เป็นต้น  ระบบปรับอากาศ จะมีเป้าหมายเพื่อควบคุมอุณภูมิ สภาพอากาศ และความชื้นภายในพื้นที่ โดยเน้นถึงความสะดวกสบายของเป็นหลัก และสร้างสภาพแวดล้อมที่เย็นสบายภายในอาคารบ้านเรือน การควบคุมความชื้น               ระบบทำความเย็น โดยทั่วไปจะไม่มีระบบความคุมความชื้นโดยเฉพาะ แต่อาจจะมีคุณสมบัติป้องกันการสะสมตัวของน้ำยาแข็ง ที่อาจจะส่งผลต่อระดับความชื้นภายในตัวเครื่อง

วิธีดูแลและของควรระวังการใช้เครื่องปรับอากาศในช่วงหน้าฝน

วิธีดูแลและของควรระวังการใช้เครื่องปรับอากาศในช่วงหน้าฝน             ในช่วงหน้าฝนหรือฤดูฝนนั้น แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นเพียงใด เราก็ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อให้อากาศถ่ายเทและหายใจสะดวก ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเราอยู่ดี เนื่องจากความชื้นในอากาศก็มีมากกว่าปกติ การปรับความชื้นให้เหมาะสมและการล้างเครื่องปรับอากาศจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะลดฝุ่น สิ่งสกปรก ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องปรับอากาศดีขึ้น ช่วยยืดอายุการใช้งานออกไปได้อีกนาน ดังนั้นวันนี้ทางเราจะมีวิธีการดูแลเครื่องปรับอากาศในช่วงหน้าฝนและข้อควรระวังการใช้เครื่องปรับอากาศในช่วงหน้าฝนดังนี้ค่ะ             วิธีดูแลการใช้เครื่องปรับอากาศ             1. หลายครั้งที่ขณะฝนตก ไฟก็จะตก หรือไฟดับ ถ้าเกิดเหตุการณ์ไฟตกหรือไฟดับ ให้รีบปิดเบรกเกอร์เครื่องปรับอากาศทันที เพราะอาจทำให้ฟิลเตอร์บริเวณคอยล์เย็น หรือคอมเพรสเซอร์แอร์ขาดได้             2. เช็คอุปกรณ์ ชิ้นส่วนใดในแอร์มีปัญหาหรือไม่ หากพบความผิดปกติ ไม่ควรซ่อมเครื่องปรับอากาศด้วยตนเองไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ควรเรียกช่างแอร์ที่มีความชำนาญมาตรวจสอบ             3. ถึงแม้จะอยู่ในช่วงหน้าฝน ก็ต้องหมั่นล้างเครื่องปรับอากาศ เพราะจะทำให้ช่วยลดปัญหาความชื้นและการสะสมของฝุ่นละอองซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เครื่องปรับอากาศเสียได้ การเปิดโหมดไล่ความชื้นก็สามารถช่วยได้เช่นกัน             4. เช็คแผ่นกรองฝุ่น และทำความสะอาดทุกๆ เดือน  เพื่อยืดอายุการใช้ของเครื่องปรับอากาศและเพื่อสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย เพียงแค่ 4 วิธี

ประเภทน้ำยาที่ใช้กับแอร์บ้านมีกี่ชนิด

ประเภทน้ำยาที่ใช้กับแอร์บ้านมีกี่ชนิด น้ำยาเป็นตัวกลางในการทำความเย็น ขณะที่น้ำยาในระบบภายในอีวาพอเรเตอร์เดือดเปลี่ยนสถานะเป็นไอที่อุณหภูมิและความดันต่ำจะต้องการความร้อนแฝง ดูดรับปริมาณความร้อนจากอากาศภายในห้องโดยรอบอีวาพอเรเตอร์ ปริมาณความร้อนจำนวนนี้จะถูกระบายทิ้งภายนอกห้องที่คอนแดนเซอร์  เพื่อให้น้ำยากลั่นตัวเป็นของเหลวอีกครั้งหนึ่ง 1. น้ำยาแอร์ R22 น้ำยาแอร์หรือที่เรียกว่าสารทำความเย็น ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันสำหรับแอร์บ้านทั่วไป เป็นสารจำพวก CFCs (Chloro Fluoro Carbons) ซึ่งมีคุณสมบัติคือ ไม่มีพิษ ไม่มีกลิ่น และความถ่วงจำเพาะของสารในสถานะก๊าซจะหนักกว่าอากาศโดยที่สารเหล่านี้จะมีจุดเดือดที่ต่ำกว่า สารทั่วไป จึงถูกนำมาใช้ในการทำความเย็น โดยที่สารทำความเย็นที่มีจุดเดือดต่ำจะถูกใช้ในการทำความเย็นที่อุณหภูมิต่ำ และสารทำความเย็นที่มีจุดเดือดสูงจะถูกใช้ในทำความเย็นที่อุณหภูมิสูง ขึ้นอยู่กับวัตถูประสงค์ของการใช้งาน สำหรับชนิดที่นิยมใช้กันมากที่สุดสำหรับแอร์บ้านก็คือ R-22 (Freon-22) โดยมีจุดเดือดอยู่ที่ -40.B ‘C 2.น้ำยาแอร์ R32 เป็นสารทำความเย็นที่ถูกพัฒนามาเพื่อทดแทนชนิด R22 โดยมีข้อดีที่มีค่า ODP ที่ต่ำกว่าสารทำความเย็นชนิด R22 จึงทำให้ไม่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศแต่ข้อเสียก็คือราคาจะแพงกว่าสารทำความเย็นชนิด R22 และถึงแม้ว่าจะไม่ทำลายชั้นโอโซนแต่ก็ยังส่งผลต่อภาวะเรือนกระจกอยู่ซึ่งมีค่า ODP (ดัชนีวัดการทำลายโอโซน) = 0 ค่า, GWP(ดัชนีชี้วัดผลกระทบภาวะโลกร้อน) = 675 และมีค่า Cooling Capacity(ประสิทธิภาพการทำความเย็น) = 160

สาเหตุที่ทำให้น้ำยาแอร์รั่ว

สาเหตุที่ทำให้น้ำยาแอร์รั่ว               ในช่วงหน้าร้อน เครื่องปรับอากาศหรือที่เราเรียกกันว่า “แอร์” มักจะเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย การใช้งานเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นเวลานาน ย่อมทำให้ตัวเครื่องใช้งานอย่างหนัก ซึ่งปัญหาที่หลายๆบ้านมักจะเจอกันคือปัญหาน้ำยาแอร์รั่ว น้ำยาแอร์ปกติแล้วจะไม่ได้หมดง่ายๆ นอกเสียจากเกิดการรั่วไหลของน้ำยาแอร์ และสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำยาแอร์รั่วมีหลายสาเหตุด้วยกันดังนี้               สาเหตุที่ทำให้น้ำยาแอร์รั่ว แอร์เก่าใช้งานมานาน อายุการใช้งานของแอร์ก็มีผลที่ทำให้น้ำยาแอร์เกิดอาการรั่วซึมได้ หากเป็นแอร์เก่าที่มีการใช้งานมาหลายปีแล้ว ภายในตัวเครื่องก็จะมีสภาพเสื่อมได้ ตามอายุการใช้งาน ทำให้อุปกรณ์พวกท่อส่งน้ำยา ข้อต่อ เกิดการรั่วไหล ทำให้น้ำยาแอร์ไหลซึมออกมาได้ การรั่วซึมของท่อเติมน้ำยาแอร์ การรั่วซึมตรงท่อเติมน้ำยาแอร์เกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนมากมักมีสาเหตุมาจากเดือยท่อตรงท่อเติมน้ำยาแอร์เคลื่อนตัวจากการต่อไม่แน่นพอ การสั่นสะเทือนของคอมเพรสเซอร์ที่ไปเสียดสีกับตัวโครงจนทำให้เกิดรอยรั่ว หรืออาจจะเกิดจากรูรั่วบริเวณที่มีการเชื่อม ติดตั้งแอร์ไม่ได้มาตรฐาน สิ่งที่หลายๆคนอาจคาดไม่ถึงและไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบต่อเรื่องน้ำยาแอร์ก็คือ การติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน การเชื่อมท่อน้ำยาแบบผิด และขาดความเชี่ยวชาญของผู้ติดตั้ง การติดตั้งแอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานนอกจากจะทำให้เกิดปัญหาน้ำยาแอร์รั่วซึมได้แล้ว ยังเป็นต้นเหตุของปัญหาอื่นๆตามมาอีกด้วย และทำให้ส่งผลเสียถึงขั้นแอร์เสียก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นในขั้นตอนการติดตั้งแอร์ควรเลือกช่างที่มีประสิทธิภาพที่ไว้ใจได้ และเป็นมืออาชีพในด้านเครื่องปรับอากาศโดยเฉพาะ               วิธีการตรวจเช็คน้ำยาแอร์รั่ว แอร์ไม่มีลมเย็น ให้สังเกตดูว่าแอร์ที่บ้าน เวลาเปิดใช้งานแล้วมีความเย็นออกมาหรือไม่ โดยอันดับแรกหากทำการเปิดแอร์แล้ว ไม่มีลมเย็นออกมาให้ทำการตรวจเช็คการตั้งค่าบนรีโมทก่อนว่าอยู่ในโหมดใด ซึ่งถ้าหากต้องการให้แอร์ปล่อยลมเย็นให้ตั้งค่าไปที่โหมด COOL หากตรวจสอบรีโมทแอร์แล้วว่าอยู่ในโหมด COOL เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลมเย็นออกมาเลย แสดงว่าแอร์อาจเกิดปัญหาน้ำยาแอร์รั่วก็เป็นไปได้ เกิดน้ำแข็งเกาะที่ท่อน้ำยาแอร์ หากแอร์มีน้ำหยดหรือลมแอร์ไม่ออกให้ทำการถอดหน้ากากแอร์ดู  อาจจะพบว่าบริเวณด้านในตัวเครื่องมีน้ำแข็งเกาะอยู่

สัญญาณเตือน เมื่อน้ำยาแอร์รถยนต์ขาด

สัญญาณเตือน เมื่อน้ำยาแอร์รถยนต์ขาด สภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนจัด เมื่อเราต้องเจอกับปัญหาแอร์รถยนต์ที่ไม่เย็น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนใช้รถยนต์ไม่อยากเจอ เพราะการต้องขับรถยนต์ฝ่าการจราจรที่ติดขัด โดยระบบปรับอากาศรถยนต์ไม่สมบูรณ์คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเป็นแน่ และหากแอร์รถยนต์มีกลิ่นอับ ลมแอร์เบากว่าปกติ หรือเริ่มมีน้ำหยดลงพื้นห้องโดยสาร อาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า น้ำยาแอร์รถยนต์ขาด ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ห้องโดยสารของเราไม่เย็นนั่นเอง เราจึงควรว่า สัญญาณเตือนเมื่อน้ำยาแอร์รถยนต์ขาดมีอะไรบ้าง ดังต่อไปนี้ สัญญาณเตือนเมื่อน้ำยแอร์รถยนต์ขาด 1.แอร์รถยนต์ไม่เย็น               -อาการที่พบได้บ่อยที่สุดคือ แอร์ไม่เย็นหรือเย็นน้อยลงกว่าปกติ               -สังเกตได้ว่า แอร์ไม่สามารถทำความเย็นภายในห้องโดยสารให้เย็นฉ่ำเหมือนเคย               -แม้จะเร่งพัดลมแอร์แล้ว อุณหภูมิภายในรถยนต์ก็ยังไม่เย็นลง 2.ลมจากแอร์มีกลิ่นเหม็นอับ               -น้ำยาแอร์มีหน้าที่หล่อลื่นคอมเพรสเซอร์แอร์               -เมื่อน้ำยาแอร์ขาด คอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานหนักขึ้น               -เกิดความร้อนสูง และอาจจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับจากช่องแอร์รถยนต์ 3.คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานติดๆ ดับๆ               -เมื่อน้ำยาแอร์ขาด คอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานหนัก               -เซ็นเซอร์แรงดันในระบบจะตัดการทำงาน               -ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานติดๆ ดับๆ 4.เสียงดังจากคอมเพรสเซอร์แอร์               -คอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานหนักขึ้น               -เกิดเสียงดังผิดปกติ               -เสียงคล้ายเหล็กกระทบกัน 5.น้ำแข็งเกาะที่ท่อแอร์              

มาทำความรู้จัก น้ำยาแอร์ R290

มาทำความรู้จัก น้ำยาแอร์ R290 น้ำยาแอร์ R290 เป็นสารทำความเย็นธรรมชาติ ที่มีแนวโน้มการนำมาใช้งานเพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้เป็น น้ำยาแอร์ ในอุตสาหกรรม การผลิตเครื่องปรับอากาศ และ ตู้แช่เย็นเชิงพาณิชย์ โดยน้ำยาแอร์ชนิดนี้ จัดเป็นก๊าซประเภท ไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) ที่มีความบริสุทธิ์สูง จัดเป็นน้ำยาแอร์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming Potential : GWP) ต่ำ นอกจากนี้ ยังไม่ทำลายโอโซน ในชั้นบรรยากาศ (Ozone Depletion Potential : ODP) จึงเป็นน้ำยาแอร์ทางเลือก ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าน้ำยาแอร์ ประเภท คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFCs) และ ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) การนำไปใช้งาน น้ำยาแอร์ R290 โดยส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้ เป็นสารทำความเย็น ในระบบทำความเย็น เช่น ในเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และ ตู้แช่เย็นเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้