อากาศหนาวแล้ว เปิดเครื่องปรับอากาศยังไง ให้เซฟเงินในกระเป๋า ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้เชื่อได้เลยว่าหลายคนกำลังฟินกับบรรยากาศอยู่แน่นอน เพราะช่วงนี้นอกจากจะมีที่เที่ยวหน้าหนาว ให้ได้ปักหมุดเช็คอินกันหลายที่แล้ว เพราะอากาศในแต่ละวันช่วงนี้เรียกว่ากำลังดี ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป อีกทั้งตอนนี้หลายพื้นที่ก็กำลังเตรียมตัวเข้าหน้าหนาวกันเต็มรูปแบบ คราวนี้ใครมีแฟชั่นหน้าหนาว เสื้อกันหนาว หรือลุควินเทอร์ ก็เตรียมปัดฝุ่นออกมาสวมใส่กันได้เลย แต่ใช่ว่าเข้าหน้าหนาวแล้วหลายบ้านจะลืมมิตรแท้ช่วงหน้าร้อนอย่างเครื่องปรับอากาศนะ เพราะเชื่อได้เลยว่าแม้ในบ้านจะมีอุณหภูมิที่หนาวเย็นหรืออุณหภูมิที่พอเหมาะสำหรับการนอนแล้ว แต่คืนไหนถ้าไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศกลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง นอนไม่หลับ หรือบางคนอาจรู้สึกหายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วการเปิดเครื่องปรับอากาศช่วงหน้าหนาวไม่ใช่เรื่องผิด คุณสามารถเปิดใช้งานได้ตามต้องการ แต่หากใครต้องการเซฟค่าไฟในช่วงหน้าหนาว วันนี้เรามีเคล็ดลับกับอากาศหนาวที่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศยังไงให้ไม่เปลืองไฟมาบอกต่อ รับรองว่าหน้าหนาวนี้เตรียมโบกมือลาค่าไฟแพงไปได้เลยค่ะ – เลือกโหมดเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือ “เลือกโหมดแอร์” โดยโหมดที่เหมาะกับหน้าหนาวสุด ๆ คือ โหมดพัดลม หรือ Fan Mode เนื่องจากโหมดพัดลมจะทำหน้าที่ผลิตลมแต่ไม่ได้ทำความเย็นออกมา ดังนั้นการเลือกแอร์โหมดนี้จึงช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก อากาศไม่แห้ง และช่วยให้อุณหภูมิในห้องไม่เย็นเกินไป ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการใช้งานโหมด Cool Mode ที่ทำให้อากาศเย็นเกินไป และ Dry Mode หรือโหมดลดความชื้น เพราะจะทำให้อากาศในห้องแห้งกว่าเดิม – ตั้งค่าปิดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ในช่วงอากาศเย็นๆ การลดชั่วโมงการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ถือเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี ดังนั้นแนะนำว่าให้ตั้งค่าปิดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติก่อนตื่นนอนประมาณ
Author Archives: nobel23
แนะนำการเลือกร้านบริการแอร์รถยนต์ที่น่าเชื่อถือ ปัญหาที่คนใช้รถยนต์เจอ อีกอย่างคือ การเลือกร้านบริการแอร์รถยนต์ที่น่าเชื่อถือ เป็นสิ่งความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากเลือกร้านที่ไม่มีคุณภาพ อาจทำให้แอร์รถยนต์ของคุณเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม หรือซ่อมแล้วไม่หายขาด เสียเงินซ้ำแล้วซ้ำอีก บทความนี้ จะเป็นแนวทางในการเลือกร้านบริการแอร์รถยนต์ที่น่าเชื่อถือ ให้กับผู้ใช้รถยนต์ได้ทราบกัน พิจรารณาจากประสบการณ์และผลงาน ร้านบริการแอร์รถยนต์ที่มีประสบการณ์และผลงานที่ดี มักได้รับการแนะนำจากลูกค้าและได้รับรีวิวที่ดีจากเว็บไซต์ต่างๆ อาทิเช่น Google Maps, Pantip เป็นต้น และควรมีช่างที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการทำงานในด้านนี้มาอย่างยาวนาน ช่างควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบแอร์รถยนต์เป็นอย่างดี สามารถวิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไขได้อย่างถูกต้อง พิจารณาจากอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย ร้านบริการแอร์รถยนต์ที่มีอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัยจะช่วยให้ช่างสามารถตรวจเช็คและซ่อมแซมแอร์รถยนต์ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ พิจารณาจากราคา ร้านบริการแอร์รถยนต์ควรให้ราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพของงาน และควรแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน พิจารณาจากบริการหลังการขาย ร้านบริการแอร์รถยนต์ควรมีบริการหลังการขายที่ดี เช่น มีรับประกันผลงานซ่อมแซม หรือให้คำแนะนำในการดูแลรักษาแอร์รถยนต์ พิจารณาจากความสะอาดและปลอดภัย ร้านบริการแอร์รถยนต์ที่ดีควรมีความสะอาดและปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกเข้าไปแพร่กระจายในระบบแอร์รถยนต์ พิจารณจาก มาตรฐานการบริการ ร้านบริการแอร์รถยนต์ที่ดี ควรมีมาตรฐานการบริการที่ดี ช่างควรอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางการแก้ไขให้ลูกค้าได้เข้าใจ พิจารณจาก การประเมินความน่าเชื่อถือได้ อาทิ เช่น ร้านเปิดมานานกี่ปีแล้ว, มีช่างกี่คน, ช่างมีใบรับรองการอบรมหรือไม่, ใช้อะไหล่แท้หรืออะไหล่เทียบ, รับประกันผลงานซ่อมแซมนานกี่ปี และมีบริการหลังการขายหรือไม่ เป็นต้น จากบทความข้างต้นที่กล่าวมา หากต้องการเลือกร้านบริการแอร์รถยนต์
การดูแลรถยนต์ในช่วงฤดูหนาว ปัญหารถยนต์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อทุกฤดูกาล เพราะฉะนั้นต้องหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ประเทศไทยเราก็เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวกันแล้ว แต่ก็ยังเชื่อได้ว่า หลายๆคนตอนนี้ เริ่มได้สัมผัสกับอากาศที่เย็น ทั้งในช่วงเวลากลางคืนและในช่วงของเช้ามืด จนทำให้รู้สึกอยากออกไปสัมผัสกับอากาศที่เย็น เช่น ขึ้นดอย สัทผัสกับไอหมอก ไอหนาว วันนี้จะมาแนะนำวิธีการดูแลรักษารถยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมไว้ใช้งานในช่วงฤดูหนาวและป้องกันการเกิดปัญหาเรื่องความเสียหายและอุบัติเหตุต่างๆ เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวเราและเพื่อนร่วมทาง สิ่งสำคัญในการดูแลรถยนต์ในช่างหน้าหนาวมีดังนี้ ระบบไล่ฝ้า เพราะความชื้นของอากาศภายในและภายนอกแตกต่างกัน จึงเกิดฝ้าที่กระจกได้ การขับรถในช่วงฤดูหนาว อุณภูมิที่ไม่สมดุลระหว่างดานในและด้านนอกรถ ทำให้ไอน้ำจับต้วเป็นละอองและเกิดฝ้าเกาะกระจกรถ ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง กรณีเกิดฝ้าที่กระจกมองข้างและกระจกรถยนต์ด้านหน้าในรถ ให้ทำการเพิ่มความเย็นเครื่องปรับอากาศ โดยเลื่อนสวิตซ์ระบบปรับอากาศไปที่ลัญลักษณ์ไล่ฝ้าที่กระจกหน้า หรือลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อปรับอุณภูมิในและนอกห้องโดยสารรถให้เกิดความสมดุลกัน จะช่วยให้ละอองฝ้าจางหายไปได้ ในกรณีที่เกิดฝ้าที่กระจกรถด้านนอก ให้เปิดใช้อุปกรณ์ที่ปัดน้ำฝน และฉีดน้ำเช็ดกระจกควบคู่กันไป จะสามารถช่วยไล่ละอองฝ้าและขจัดคราบสกปรกบนกระจก ในขณะที่เกิดฝ้าที่กระจกรถยนต์ด้านหลังรถ ให้เปิดปุ่มไล่ฝ้าเพื่อให้ขดลวดความร้อนบริเวณกระจกด้านหลังของรถยนต์ทำงาน หากละอองฝ้าเริ่มจางหายไป ให้ปิดปุ่มไล่ฝ้าเพราะความร้อนจะทำให้กระจกรถและฟิมส์กรองแสงเสื่อมสภาพการใช้งานเร็วขึ้น สัญญาณไฟ โดยที่นี้จะเหมารวมทั้งไฟเลี้ยว ไฟเบรก และไฟตัดหมอก เนื่องจากการขับขี่บนท้องถนนจะเต็มไปด้วยผู้ร่วมเส้นทางมากมาย การให้สัญญาณต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำทุกครั้ง ยิ่งช่วงในฤดูหนาวที่อาจจะมีหมอกที่ลงจัดในบางช่วง ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดน้อยลงอย่างมาก ซึ่งถ้าไฟต่างๆ ที่กล่าวมาเกิดการชำรุดใช้งานไม่ได้ นั่นอาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นอย่างไม่คาดคิด ดั้งนั้นผู้ขับขี่ควรตรวจสอบและเปลี่ยนหลอดไฟใฟ้สว่างและใช้งานได้ปกติอยู่เสมอ ระบบเบรก ก่อนขับรถทุกครั้งการตรวจเช็คผ้าเบรกกับน้ำมันเบรกคือสิ่งที่สำคัญมากอย่างมาก เพราะไม่ว่าคุณจะขับไปใกล้หรือไกลแค่ไหนก็ตาม
ตู้เย็น ไม่เย็น เกิดได้จากสาเหตุใดบ้าง ในปัจจุบันตามที่พักอาศัยรวมถึงออฟฟิศต่างๆมีตู้เย็นไว้ใช้งาน เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อใช้ในการช่วยถนอมอาหารต่างๆทั้งผัก เนื้อสัตว์ รวมถึงสิ่งของอื่นๆ เพื่อช่วยรักษาคุณค่าสารอาหารของสินค้า และทำให้อาหารและสินค้าเหล่านั้นอยู่ได้นานขึ้นและมีคุณภาพสารอาหารคงเดิม รวมถึงเครื่องดื่มต่างๆที่ต้องการความเย็น เพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ยิ่งช่วงอากาศร้อนมากๆตู้เย็นก็จะถูกใช้งานบ่อยกว่าปกติ อาจมีการเปิดปิดมากครั้ง ทำให้ตู้เย็นทำงานหนักและยังอาจทำให้พบเจอปํญหาต่างๆหรือความผิดปกติได้ ซึ่งบางทีเกิดขึ้นโดยที่เราเองคาดไม่ถึงว่าจะทำให้ตู้เย็นไม่เย็นได้หรือส่วนประกอบอื่นๆก็มีส่วนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้โดยปฏิบัติดังนี้ -อย่าแช่ของเยอะเกินไป ทั้งของแห้ง ของสด ขนมรวมทั้งอาหารต่างๆ ที่ทานไม่หมดก็ยัดๆเข้าไปในตู้โดยไม่มีการจัดระเบียบที่ดี ทำให้ไม่มีพื้นที่ว่าง ทำให้ตู้เย็นทำงานได้ไม่เต็มที่ และความเย็นไปได้ไม่ทั่วถึง ดังนั้นควรต้องจัดเก็บให้เป็นระเบียบ อะไรไม่จำเป็นหรือของที่เน่าเสียแล้วก็ควรทิ้งไป และหมั่นเคลียร์บ่อยๆเพื่อให้มีพื้นที่ว่าง ระบบความเย็นจะได้ทำงานได้อย่างทั่วถึง –ไม่เปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยหรือเปิดค้างไว้นาน ก่อนที่จะเปิดตู้เย็นควรที่จะวางแผนก่อนว่าจะหยิบจะใช้อะไรบ้าง แล้วสิ่งที่ใช้อยู่ตำแหน่งไหนในตู้ เพื่อที่จะหยิบได้เร็วขึ้น ไม่ต้องเปิดตู้เย็นค้างไว้นานๆ และเปิดปิดบ่อยๆ ซึ่งจะทำให้ความเย็นในตู้ลดลงได้ เพราะความเย็นจะระบายออกมาเวลาเปิดใช้งาน และควรปิดให้สนิททุกครั้ง –ปรับอุณหภูมิไม่เหมาะสม ในตู้เย็นจะมีปุ่มปรับระดับความเย็นทั้งในแบบดิจิตอลและปุ่มกด ซึ่งควรปรับให้เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ควรตั้งค่าต่ำเกินไปอาจจะทำให้ตู้เย็นไม่เย็น –ยางขอบตู้เย็นเสื่อมสภาพ หากตู้เย็นมีการใช้งานมานาน ควรจะสังเกตุดูว่าเวลาปิดตู้เย็นแล้วสนิทหรือไม่ เพราะถ้าไม่สนิทหรือยางขอบตู้เย็นเสื่อมสภาพแล้ว ให้ควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะอาจทำให้ความเย็นรั่วไหลออกไปได้ –ใส่ของที่ยังร้อนอยู่เข้าไปแช่ในตู้เย็น ซึ่งไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะความร้อนที่เข้าไปจะยิ่งทำให้ตู้เย็นทำงานหนักและส่งผลต่ออุณหภูมิภายในตู้เย็น ควรรอให้ของที่จะแช่หายร้อนก่อนจึงค่อยนำเข้าไปแช่จะดีกว่า. –วางตู้เย็นผิดตำแหน่งในที่ตั้ง ไม่ควรวางติดกับผนังจนเกินไป เพราะตู้เย็นจะมีพัดลมเพื่อระบายความร้อนในการทำงาน
โลกร้อนกับน้ำยาแอร์เกี่ยวข้องกันอย่างไร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบางท่านอาจะเคยได้ยินในเรื่องของน้ำยาแอร์ที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นอันตรายต่อมนุษย์หากมีการสูดดมเข้าสู่ร่างกาย แต่ในยุคสมัยใหม่น้ำยาแอร์ก่อให้เกิดผลเสียเหล่านั้นน้อยลงแล้วในปัจจุบัน น้ำยาแอร์เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเย็นในระบบของระบบทำความเย็นต่างๆ จะมีหลายประเภทตามขนาดการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับเครื่องทำความเย็น ในอดีตนั้นน้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็นมีความคงตัวค่อนข้างสูง และมีประสิทธิภาพต่ออุปกรณ์ทำความเย็น แต่จะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมแถมยังมีผลต่อผู้ที่สูดดมน้ำยาแอร์เข้าไปในร่างกายเมื่อเกิดการรั่วไหล ด้วยสารประกอบในน้ำยาแอร์ที่เป็นพิษหลายชนิดที่ก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนและทำให้อุปกรณ์ทำความเย็นเสื่อมสภาพได้ง่าย ในระบบทำความเย็น จะสร้างความเย็นและดูดความร้อนได้ด้วยน้ำยาแอร์ ซึ่งเป็นตัวกลางที่มีประสิทธิภาพสูงในการทำให้เกิดความเย็นได้ ด้วยการเดินทางไปตามอุปกรณ์ทำความเย็นและเปลี่ยนสภาพเป็นทั้งของเหลวและก๊าซเพื่อให้กระบวนทำความเย็นมีประสิทธิภาพ ด้วยการทำงานที่ต้องเปลี่ยนสภาพอยู่ตลอดการทำงานของเครื่องทำความเย็น น้ำยาแอร์จึงต้องมีเสถียรภาพในการเปลี่ยนสถานะและไม่กัดกร่อนอุปกรณ์ทำความเย็นอื่นๆอีกด้วย สารทำความเย็นหลายชนิดเป็นตัวการที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นจากการประเมินของค่าดังนี้ ค่า GWP (Global Warming Potential) หมายถึง ศักยภาพในการเกิดปรากฎการณ์เรือนกระจกของสารทำความเย็น โดยค่า GWP ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ (CO2) ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกชนิดหลัก มีค่าเท่ากับ 1.0 ดังนั้นหากสารทำความเย็นชนิดอื่นมีค่า GWP เท่ากับ 1000 ซึ่งจะหมายความว่าสารทำความเย็นชนิดนั้นมีโอกาสทำให้โลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ 1000 เท่า ค่า ODP (Ozone Depletion Potential) หมายถึง ศักยภาพในการทำลายโอโซนในชั้นสตาโตสเฟียร์ของสารทำความเย็น โดยค่า ODP ของสารทำความเย็น R11 ซึ่งเป็นสารทำความเย็นรุ่นแรกที่ใช้กันแพร่หลาย มีค่าเท่ากับ 1.0 ดังนั้นสารทำความเย็ฯชนิดอื่นมีค่า
อุตสาหกรรมตู้แช่เชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่ใช้น้ำยาแอร์ชนิดไหนบ้าง ในประเทศไทย อุตสาหกรรมตู้แช่เชิงพาณิชย์ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการใช้สารทำความเย็นหรือ น้ำยาแอร์ มาใช้ในงานระบบ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ เพราะในประเทศไทยไม่สามารถผลิตขึ้นได้เอง การใช้งานในระบบทำความเย็นต่างๆ ทั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้านเรือน อาคาร รถยนต์ ห้องเย็นและตู้แช่ รวมทั้งอุตสาหกรรมทั่วๆไปด้วยที่จะต้องใช้อุณภูมิความเย็นในการจัดเก็บสินค้าต่าง ๆ ในที่นี้จะแยกในส่วนของน้ำยาที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมตู้แช่เชิงพาณิชย์ ว่าส่วนใหญ่ในประเทศไทยนั้นปัจจุบันนิยมและใช้น้ำยาแอร์ชนิดไหนกันบ้าง แต่ละชนิดมีส่วนประกอบและคุณสมบัติอย่างไร ในระบบตู้แช่ น้ำยาแอร์หลักๆที่ใช้กันแบ่งตามรายละเอียดต่างๆได้ดังนี้ R404a เป็นสารทำความเย็นที่มีส่วนผสมของน้ำยา 3 ชนิดรวมกัน (R125+R143+R134a) คุณสมบัติไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ติดไฟ ประหยัดพลังงาน มีค่าแรงดันที่อุณหภูมิ 30C◦ อยู่ที่ 170-180 Psi จุดเดือดอยู่ที่ -46.6 C◦ ใช้ในอุณหภูมิติดลบ ใช้ในสินค้าพวกตู้แช่ห้องเย็นและอุตสาหกรรมทำความเย็น ถ้าน้ำยาแอร์ในระบบขาดต้องปล่อยทิ้งแล้วเติมใหม่ทั้งหมด โดยสามารถใช้เกจ์วัดแรงดันในการเช็คระบบให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม R507 เป็นสารทำความเย็นที่มีส่วนผสมของน้ำยา 2 ชนิด (R125+R143) มีค่าแรงดัน ที่อุณหภูมิ 30C◦ อยู่ที่ 180-190 Psi จุดเดือดอยู่ที่ -47.1
ทำไมต้องพัฒนาระบบแอร์รถยนต์ให้มีประสิทธิภาพ ประเทศไทยซึ่งมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ถ้าจะกล่าวยานพาหนะ สิ่งแรกที่นึกถึงคือ รถยนต์ ซึ่งมีความสำคัญ ในการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์อีกอย่าง คือ ระบบปรับอากาศของรถยนต์ ทำหน้าที่ ทำให้เกิดความเย็นมีการถ่ายเทความร้อน เพิ่มความสะดวกสบายของผู้ใช้รถยนต์ ดังนั้นการพัฒนาระบบแอร์รถยนต์ จะเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพให้มากขึ้น ลดการใช้พลังงาน ลดการผลิตก๊าซเรือนกระจก บทความนี้จะทำให้เราทราบว่า การพัฒนาระบบแอร์รถยนต์ดีอย่างไร ลดการใช้สารทำความเย็นที่ทำลายโอโซน การใช้สารทำความเย็นที่ไม่มีผลกระทบต่อโอโซนในระบบแอร์รถยนต์ การเพิ่มความสะดวกสบายของผู้ใช้รถยนต์ มีการพัฒนาระบบแอร์ที่สามารถปรับแต่งอุณหภูมิ จะปรับให้จะร้อนหรือเย็นได้อย่างรวดเร็วและใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้ การใช้เทคโนโลยีช่วยในการกรองอากาศ มีการนำเทคโนโลยี เข้ามาช่วยในเรื่องของการฟอกอากาศ ภายในรถยนต์ เพื่อปรับอากาศให้บริสุทธิ์ภายในรถยนต์ การพัฒนาน้ำยาทำความเย็นใหม่ ที่มีอัตราการไหลที่ดีกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รถไฟฟ้าและแอร์รถยนต์ มีการพัฒนาะระบบยนต์ไฟฟ้าในระบบแอร์รถยนต์ เพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าในการทำความเย็น ให้มีประสิทธิภาพสูง ลดการใช้เชื้อเพลิงในการทำความเย็น การใช้แหล่งพลังงานทดแทน ในการพัฒนาระบบแอร์รถยนต์ ที่ใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือแหล่งพลังงานไฟฟ้าทดแทนอื่นๆ เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงในการทำความเย็น การลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีการออกแบบระบบแอร์ เพื่อลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาจมีการใช้วัสดุที่รองรับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หรือการพัฒนาระบบรองรับการทดแทนที่ยั่งยืน การนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ มีการปรับการทำงานของระบบแอร์รถยนต์ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และระบบควบคุมอื่น โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ นวัตกรรมในการควบคุมแอร์ มีการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะและเซ็นเซอร์ในระบบแอร์รถยนต์เพื่อปรับแต่งอุณหภูมิอย่างแม่นยำและอัตโนมัติ ทั้งจากภายนอกและภายในรถยนต์
สาเหตุที่ทำให้แอร์บ้านไม่เย็น 1.BTU ของเครื่องปรับอากาศไม่เหมาะสมกับขนาดห้อง ควรเลือกขนาด BTU ของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้องที่จะติดตั้ง เพราะหากขนาด BTU กับห้องไม่เหมาะสมกันก็จะทำให้เครื่องปรับอากาศมีความเย็นไม่ทั่วถึง ซึ่งหลายคนอาจคิดว่า ห้องไม่ได้ใหญ่มากติดเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กก็พอ แต่แล้วความจริงหากเครื่องปรับอากาศที่ขนาด BTU ต่ำเกินไป คอมเพรสเซอร์ของแอร์ก็จะทำงานตลอดเวลา หรือหากเครื่องปรับอากาศที่มี BTU สูงเกินไป คอมเพรสเซอร์แอร์ก็จะตัดบ่อย ยังไม่ทันเกิดความเย็นก็ตัดแล้ว จึงทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น เย็นช้า แถมยังทำให้กินไฟมากกว่าปกติ ตั้งโหมดทำความเย็นผิด บางทีสาเหตุที่ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่เย็น อาจจะเกิดขึ้นจากสิ่งเล็ก ๆ ที่เราอาจมองข้ามได้ อย่างเช่น รีโมตเครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน หรือปรับการตั้งค่าอุณหภูมิที่ผิดไป เผลอเปลี่ยนจากโหมดความเย็นที่เคยใช้ไปเป็นโหมดพัดลมแทน โหมดพัดลม (Fan) จะทำหน้าที่ลดกลิ่นอับของตัวเครื่องปรับอากาศ และยังสามารถยืดอายุการใช้งานของคอยล์เย็น รวมทั้งยัองช่วยขับความชื้นสะสมข้างใน จึงทำให้โหมดพัดลมไม่สามารถกระจายความเย็นได้ดีเท่าโหมดความเย็น (Cool) จำนวนคนในห้อง การที่ภายในห้องมีจำนวนคนอยู่มากเกินไป เป็นอีกสาเหตุที่หลาย ๆ คนมองข้าม ถึงแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศภายในห้องไม่มีความเย็นหรือมีความเย็นช้า เพราะการที่มีจำนวนคนในห้องเพิ่มมากขึ้นจะมีการแย่งกันใช้อากาศที่มากขึ้น เลยทำให้เครื่องปรับอากาศนั้นต้องทำงานหนักขึ้น แต่หากเรารู้สึกว่าเครื่องปรับอากาศไม่เย็นเพราะจำนวนคนในห้องเยอะ ก็อาจจะต้องลดอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศลง แอร์มีสิ่งสกปรกอุดตัน ควรล้างเครื่องปรับอากาศทุก ๆ 6 เดือน
ควรล้างแอร์บ่อยแค่ไหน คำถามยอดฮิตที่หลายๆคนมักส่งวัยว่า ต้องล่างแอร์บ่อยแค่ไหน ควรเว้นระยะกี่เดือนล้าง ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับการเปิดใช้งานแอร์ของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแนะนำให้ล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง เป็นช่วงที่เหมาะสมในการล้างแอร์ที่สุด หากเว้นระยะนานมากไปอาจจะเกิดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรกทำให้ส่งผลเสียต่อแอร์ในการทำงานอย่างไม่เต็มประสิทธภาพ และทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น แอร์อุดตัน ไม่เย็น และยังส่งผลต่อสุขภาพอีกด้วย หากมีการเปิดใช้แอร์ตลอดทั้งวันเป็นประจำทุกวัน ในขณะที่แอร์กำลังทำงาน จะมีการหมุนเวียนอากาศในตัวเครื่องทำให้มีฝุ่นและมีสิ่งสกปรกเข้าไปเกาะภายในเครื่อง หากไม่ทำความสะอาดตามระยะเวลาที่เหมาะสมอาจจะส่งผลต่อการใช้งานและผลเสียต่อร่างกายได้อีกด้วย ข้อดีของการล้างแอร์ เพื่อให้แอร์มีประสิทธิภาพในการทำงานได้เต็มที่และยังช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานของแอร์และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้อีกด้วย ช่วยประหยัดค่าไฟ หากมีฝุ่นละอองสะสมเกาะอยุ่ที่ตัวระบายความร้อนจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ต้องทำงานหนักและใช้พลังงานมากจนเกินไป ช่วยลดการอุดตันของอุปกรณ์ภายในจากฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อตัวเครื่อง และยังป้องกันน้ำหยดที่มีสาเหตุมาจากฝุ่นที่สะสมจนเกิดการอุดตันอีกด้วย การเปิดใช้แอร์เป็นประจำทุกวันและเป็นเวลานาน โดยที่ไม่มีการทำความสะอาด อาจจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและความชื้อทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอัพ และยังก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจได้ด้วย วิธีการล้างแอร์ง่ายๆ 5 วิธีมีดังนี้ ล้างแอร์ด้วยตนเอง คือการล้างแอร์ด้วยวิธีการถอดฟิลเตอร์กรองอากาศ กรองฝุ่น และสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ออกมา เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเทสะดวก โดยความถี่ในการล้างคือไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ จะช่วยให้ประหยัดไฟ และยังช่วยให้คอมเพรสเซอร์ได้ทำงานน้อยลงด้วย ล้างแอร์ด้วยน้ำยาล้างคอยล์แอร์ เป็นการใช้น้ำยาล้างเพื่อกัดเซาะสิ่งสกปรกที่ฝังแน่นอยู่ในแผงคอยล์เย็นและคอยล์รอ้นให้ออก เนื่องจากใช้น้ำยแรงดันสูงก็ยังไม่สามารถทำให้สิ่งสกปรกเหล่านี้หลุดออกไปจนหมด จึงจำเป็นต้องใช้น้ำยาล้างเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่ง หลังจากนั้นก็ทำการประกอบชิ้นส่วนต่างๆเข้าที่เดิม ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีกรดหรือด่างมากเกินไปในการล้างแผงคอยล์เพราะจะทำให้แผงบางลง จนรั่วในที่สุด การล้างแอร์ด้วยน้ำแรงดันสูง การทำความสะอาดแผงคอยล์เย็นด้านในห้อง
ระบบทำความเย็นของตู้เย็นและตู้แช่ทำงานอย่างไร สำหรับตู้เย็นและตู้แช่ นับว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถพบเห็นได้แทบทุกครัวเรือน ทุกบ้าน สำนักงาน รวมถึงร้านค้าต่างๆด้วย ทั้งนี้เพื่อต้องการจัดเก็บและถนอมสินค้าหรืออาหารต่างๆให้มีคุณภาพและมีคุณค่าทางสารอาหารที่เหมือนเดิม ไม่เน่าไม่เสีย จัดเก็บไว้ได้นาน อีกทั้งยังกักตุนสินค้าในภาวะวิกฤตได้ด้วย ตู้เย็น และตู้แช่ จึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นอย่างยิ่ง ระบบทำความเย็นของตู้เย็นและตู้แช่นั้น จะมีความคล้ายคลึงกันก็คือเรื่องของการทำให้เกิดอุณหภูมิความเย็น เพื่อที่จะใช้จัดเก็บสินค้านั้น ๆ รูปแบบการจัดเก็บ ขนาดพื้นที่จัดเก็บก็มีส่วนสำคัญด้วย โดยหลักการทำงานของตู้เย็นและตู้แช่ สามารถอธิบายได้ดังนี้ หลักการทำงานของตู้เย็น คือการถ่ายเทความร้อนภายในตู้เย็นให้ออกไปสู่ภายนอก โดยเกิดขึ้นจากเครื่องอัดไอหรือคอมเพรสเซอร์ จะอัดแก๊สของสารทำความเย็นให้เป็นของเหลวในคอยล์ร้อน หลังจากนั้นก็จะส่งผ่านต่อไปยังเครื่องระเหยซึ่งจะทำให้ความดันของเหลวลดลงจนเปลี่ยนสถานะจากแก๊สกลายเป็นไอ และจะนำพาเอาความร้อนนี้ออกไปเพื่อให้อุณหภูมิภายในตู้เย็นลดลง จากนั้นแก๊สของสารทำความเย็นก็จะถูกดูดโดยเครื่องอัดให้ออกไปยังเครื่องควบแน่น เพื่อถ่ายความร้อนออกจากระบบ ทำให้สารทำความเย็นเข้าไปรับความร้อนที่เครื่องระเหยอีกครั้ง และความเย็นจากสารทำความเย็นที่ถูกดูดกลับมาบางส่วนก็ช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่องอัดคอนเพรสเซอร์นั้นเอง และจะทำงานวนแบบนี้ไปเรื่อยๆหากไม่เกิดการรั่วซึมก็ไม่ต้องเติมสารทำความเย็นเพิ่มเข้าไปในระบบ เพราะการทำงานนี้เป็นระบบปิด หลักการทำงานของตู้แช่ เป็นการทำงานจากคอมเพรสเซอร์จะอัดสารทำความเย็นส่งต่อไปยังเครื่องระเหยเพื่อลดความดันลงและสารทำความเย็นจะดูดซับความร้อนและย้ายความร้อนภายในนี้ออกไปให้อุณหภูมิเย็นลงโดยความร้อนจะระบายผ่านพัดลมระบายความร้อนได้เร็ว แต่อาจทำให้มีเสียงรบกวนเกิดขึ้นได้และทำให้ใช้พลังงานมากขึ้น อุณหภูมิจะมีความคงที่และทำความเย็นได้เร็วและดีกว่าตู้เย็น โดยระบบจะทำงานวนไปในลักษณะนี้หากไม่เกิดการรั่วซึมก็ไม่ต้องเติมน้ำยาเพิ่มเติม จะเห็นได้ว่าลักษณะการทำงานของตู้เย็นและตู้แช่นั้น สิ่งที่สำคัญคือเรื่องของอุณหภูมิเป็นสำคัญ รวมถึงขนาดพื้นที่จัดเก็บ และสินค้าที่จะจัดเก็บนั้น ๆ ต้องสองคล้องและเหมาะสมกันด้วย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด การเลือกใช้ตู้เย็นหรือตู้แช่ ควรเลือกให้ตรงจุดประสงค์การใช้งานของแต่ละประเภท โดยคำนึงถึงสินค้าที่ต้องการแช่ หากท่านใดกำลังหาซื้อน้ำยาแอร์เกี่ยวกับตู้เย็นและตู้แช่ น้ำยาแอร์บ้าน น้ำยาแอร์รถ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สอบถามเกี่ยวกับระบบตู้เย็นและตู้แช่สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ น้ำยาแอร์ดอทคอม