Category Archives: ล้างแอร์รถยนต์

แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม เกิดจากสาเหตุใด

แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม เกิดจากสาเหตุใด ประเทศไทยแบ่งออกได้เป็น 3 ฤดู จะมีฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว ในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน คือระหว่างกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคมของทุกปี ประเทศไทยมีเมฆมาก จะพบกับร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านประเทศไทย จึงทำให้มีฝนตกชุก เมื่อเข้าสู่หน้าฝน ในการเดินทางทุกคนต้องการความสะดวกสบาย รถยนต์เป็นอีกปัจจัยหลักที่ จำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากจะเจอปัญหาเรื่องอากาศที่ร้อนที่น่ารำคาญใจแล้ว หากเจอปัญหาแอร์รถยนต์ไม่เย็นซ้ำไปอีก อาจส่งผลเสียกับรถยนต์ของเราได้ เราจึงควรมาทราบสาเหตุหลักๆ ที่แอร์รถยนต์ไม่เย็น มีแต่ลม เกิดจากสาเหตุ ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ แอร์รถยนต์ไม่เย็น เพราะระบบแอร์รั่ว อาจจะซึมตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณสายท่อแอร์ ข้อ ต่อ หรือ ตู้แอร์รถยนต์รั่ว สาเหตุมาจาก การล้างตู้แอร์บ่อยเกินไป ทำให้น้ำยาล้างตู้แอร์ที่มีฤทธิ์เป็นกรดเข้าไปกัดกร่อนได้ ซึ่งรอยรั่วเหล่านี้จะทำให้ค่าแรงดันของน้ำยาแอร์ตก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็นได้เช่นกัน รอยรั่วของระบบแอร์รถยนต์ ตรวจสอบได้โดยใช้น้ำสบู่หรือผสมแชมพูตีเป็นฟอง แล้วนำไปทาตามจุดต่างๆ ตามรอยต่อนั้นๆ แอร์รถยนต์ไม่เย็น เพราะน้ำยาแอร์รถยนต์หมด สาเหตุมักจะเกิดจากปริมาณน้ำยาแอร์รถยนต์มี ปริมาณน้อย ทำให้มีปริมาณน้ำยาที่ถูกส่งจากคอมเพรสเซอร์เพิ่มแรงดันเข้าสู่แผงคอยล์เย็น เพื่อไปดูดจับความร้อนภายในห้องโดยสารมีไม่มากพอ ทำให้อากาศภายในห้องโดยสารยังคงร้อนอยู่ ซึ่งการที่น้ำยาแอร์เหลือน้อย นั้นอาจจะเกิดจากการใช้งานที่ยาวนาน และไม่ได้เติมน้ำยาแอร์หรือเกิดการรั่วซึมในระบบแอร์ คอมเพรสเซอร์รถยนต์ไม่ทำงาน คอมเพรสเซอร์แอร์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่คอยปรับอุณหภูมิ

มารู้จักกับน้ำยาแอร์รถยนต์ตัวใหม่ R1234yf

มารู้จักกับน้ำยาแอร์รถยนต์ตัวใหม่ R1234yf ปัจจุบันนี้ โลกเรากำลังต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ทำให้โลกมีภูมิอากาศที่ร้อนสูงขึ้น การผลิตรถยนต์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้เช่นกัน ปัจจุบันรถยุโรปและรถอเมริกาหลายแบรนด์กำลังต่อสู้กัน อาทิเช่น Bentley Bentayga, Porsche Boxster, Ford Mustang ที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่ล้วนแล้วใช้แต่ใช้น้ำยา R1234yf แทนน้ำยา R134a กันแล้ว เพราะประชาคมโลกทางฝั่งยุโรป เริ่มรณรงค์เรื่องการลดภาวะโลกร้อนกันอย่างจริงจัง จึงได้มีการพัฒนาน้ำยาแอร์รถยนต์ R1234yf ขึ้นมา เพื่อช่วยลดมลภาวะโลกร้อน เป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกทาง ในปลายศตวรรษที่ 20 เราจะรู้จักน้ำยา R12 ซึ่งเป็นสารทำความเย็นสำหรับแอร์รถยนต์, ตู้เย็น, ตู้แช่ และระบบชิลเลอร์ (รุ่นเก่า) สารทำความเย็นชนิดนี้มีจุดเดือด -29.80 องศาเซลเซียส มีค่า ODP =1 คือค่าการทำลายชั้นโอโซน และมีค่า GWP=10,900 คือ ค่าการสร้างภาวะเรือนกระจก 10,900 ODP (Ozone Depletion Potential) จะเทียบกับสารทำความเย็น CFC หรือสาร

น้ำยาแอร์ R134a กับ R12 ต่างกันอย่างไร

น้ำยาแอร์ R134a กับ R12 ต่างกันอย่างไร             ประเทศไทยมีลักษณะเป็นแบบร้อนชื้นทำให้อากาศร้อนแทบทั้งปี จึงจำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศในการใช้รถยนต์ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการเดินทางรถยนต์ส่วนบุคคล ปัจจุบันถ้าจะกล่าวน้ำยาแอร์จะเป็นที่รู้จักใช้กันแพร่หลายในระบบแอร์รถยนต์ นอกจากนั้นยังใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศรถยนต์ เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ และตู้เย็น ที่ทำอุณหภูมิปานกลางและสูง ถ้าหากเราต้องการทราบว่า รถยนต์ที่เราใช้งานอยู่ ใช้น้ำยาแอร์ตัวไหน ให้สังเกตุได้จาก หากเป็นรถยนต์เดิมๆ มือหนึ่งออกจากศูนย์รถ ไม่เคยคัดแปลงระบบแอร์ และเป็นรถยนต์ที่ผลิตก่อนปี พ.ศ.2539 ให้สังเกตุได้เลยว่า ใช้น้ำยาแอร์ R12 แต่หากเป็นรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 จนถึงปัจจุบัน ส่วนมากจะใช้น้ำยาแอร์ R134a คุณสมบัติ และ ความแตกต่างของ น้ำยาแอร์ R134a และ R12 มีดังต่อไปนี้ 1.น้ำยาแอร์ R134a เป็นสารทำความเย็นที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำยาแอร์ชนิดอื่นเลย จะมีค่าของน้ำยาแอร์ R134aอย่างเดียว 100% ระดับการทำลายโอโซนของสารทำความเย็น (OPD) = 0 ในขณะที่ค่า GWP มีค่า 1430 จะมีแรงดัน

การเปิด-ปิดแอร์รถยนต์ที่ถูกวิธีและการดูแลรักษาแอร์รถยนต์เบื้องต้น

การเปิด-ปิดแอร์รถยนต์ที่ถูกวิธีและการดูแลรักษาแอร์รถยนต์เบื้องต้น ประเทศไทยเราเป็นเมืองร้อน ทุกวันนี้หลายคนมักเลือกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เพื่อความคล่องตัวในการเดินทางและด้วยเรื่องสภาพอากาศค่อนข้างร้อน แอร์รถยนต์จึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคัน และมีผลต่อระบบหายใจของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เนื่องจากต้องสูดดมอากาศที่ไหลเวียนผ่านระบบแอร์รถยนต์อยู่ตลอดเวลาเมื่อเราอยู่ในรถยนต์ไม่มีใครรู้เลยว่า อาจจะเต็มไปด้วย เชื้อโรค ก็เป็นไปได้ วันนี้เราจึงขอนำเสนอการเปิดใช้แอร์รถยนต์ที่ถูกต้องให้ปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของแอร์รถยนต์ให้อยู่กับเราไปได้นานๆ ดังนี้ 1.ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ทุกครั้ง ควรปิดสวิตซ์แอร์(A/C) เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์เป็นตัวฉุดกำลังขณะสตาร์ท เมื่อสตาร์ทและเครื่องวอร์มสักพักแล้วค่อยเปิดสวิตซ์พัดลม โดยใช้ความเร็วพัดลมสูงก่อน เพื่อเป็นการไล่ความร้อนในระบบแอร์รถยนต์ แล้วค่อยเปิดสวิตซ์แอร์ (A/C) การปิดแอร์รถยนต์ที่ถูกต้อง ควรปิดสวิตซ์แอร์ (A/C)ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางก่อน ประมาณ 5-10 นาที เพื่อลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์และไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น ไม่ให้สะสมจนเกิดเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุของกลิ่นอับ จากนั้นจึงปิดพัดลมแล้วดับเครื่องยนต์ ควรตั้งอุณหภูมิของแอร์ให้เหมาะสมกับห้องโดยสาร และไม่ควรตั้งให้เย็นจนเกินไป เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 25 องศา เป็นค่ามาตรฐานจะดีที่สุด หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมรถยนต์ สเปรย์ปรับอากาศ เนื่องจากการจะส่งผลต่อระบบการทำงานของคอยล์เย็นโดยเราไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่มักจะมีสารระเหยที่ส่งผลกระทบต่อระบบแอร์ โดยไอระเหยของสารเคมีในสเปรย์ปรับอากาศจะทำปฏิกิริยา ทำให้เกิดฝุ่นไปจับตัวที่คอยล์เย็น จะส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น การถ่ายเทความร้อนก็จะลดลงทำให้ประสิทธิภาพในการทำความเย็นของระบบแอร์ก็จะลดลงไปด้วย ตรวจเช็คแผ่นกรองอากาศแอร์ให้สม่ำเสมอ สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้เอง และถ้าปล่อยให้แผ่นกรองอากาศสกปรกมาก จะทำให้ฝุ่นไปอุดตันได้ สาเหตุนี้ก็มีส่วนทำให้ระบบแอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้น ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน แนะนำให้ล้างตู้แอร์ ปีละ 2

สาเหตุหลักที่ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็น

สาเหตุหลักที่ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็น ปัจจุบันอากาศในเมืองไทยส่วนใหญ่มีแต่จะร้อนกับร้อนมากขึ้น  ดังนั้นเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ จึงจำเป็นสำหรับผู้ที่ขับขี่รถยนต์เป็นอย่างมาก ช่วยให้คลายร้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน แต่ถ้าหากเกิดปัญหาแอร์รถยนต์ที่เราใช้งานอยู่ มีแต่ลมออก ไม่มีความเย็น สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ แอร์รถยนต์ที่เราใช้งานอยู่ เกิดปัญหา ถ้าเราอยากให้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ใช้งานได้ยาวนาน ไม่พังไวเกินไป เราควรรู้สาเหตุหลักที่ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็น และวิธีการดูแลรักษาเพื่อที่เครื่องปรับอากาศในรถยนต์จะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ ตู้แอร์ตัน และสายท่อแอร์ต่างๆ เกิดรั่วซึม ตู้แอร์ที่สกปรกเกิดจาการอุดตันของเศษฝุ่นละลองต่างๆ ที่ถูกพัดลมดูด สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ ค่อยๆ ปลิวมาติดทีละเล็กทีละน้อย เกิดการสะสม ก็ทำให้ตู้แอร์ตันได้เช่นกัน และสายท่อแอร์ต่าง เกิดการรั่วซึม ต้องคอยเช็ครอยรั่วในระบบก่อน เพราะระบบแอร์นั้นเป็นระบบปิด น้ำยาแอร์ไม่สามารถหายไปเองได้ อาจเกิดรอยรั่วซึมน้ำยาออก ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็น ลองตรวจสอบได้โดยการนำน้ำแชมพูหรือน้ำสบู่มาตีเป็นฟองแล้วนำไปทาตามข้อต่อต่างๆ ของระบบแอร์ แล้วสังเกตว่า ตรงจุดไหนเกิดเป็นฟองอากาศลอยขึ้นมา แสดงว่าจุดนั้นเกิดการรั่วซึมอยู่ ให้ช่างทำการแก้ไข น้ำยาแอร์ขาดหรือหมด อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็นได้ เพราะจะทำให้แอร์เย็นน้อยลงหรือไม่เย็นเลย จะมีแต่ลมร้อนๆ ออกมาจากช่องแอร์ วิธีการแก้ไขให้ลองสตาร์ทเครื่อง แล้วเปิดระบบเครื่องปรับอากาศปุ่ม A/C เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน แล้วสังเกตุดูว่ามีฟองอากาศเล็กๆ สีขาว ตรงแผงระบายความร้อนด้านหน้ารถ แล้วทำการเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แอร์เป็นน้ำแข็ง พัดลมแอร์ที่พัดออกมาจากช่องแอร์

5วิธีดูแลแอร์รถยนต์ให้อยู่กับเราไปนานๆ

5วิธีดูแลแอร์รถยนต์ให้อยู่กับเราไปนานๆ ในปัจจุบันหลายคนใช้รถยนต์ส่วนตัวมากกว่าการใช้รถประจำทางในการเดินทาง เพื่อความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย เรื่องของการดูแลรถยนต์ของคุณนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกเหนือจากการนำรถเข้าตรวจเช็คสภาพรถยนต์ที่ศูนย์บริการแล้วเราสามารถดูแลรักษาระบบแอร์รถยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเองได้ง่ายๆเพื่อไม่ให้ระบบแอร์เกิดการเสียหายบ่อยครั้งและเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น      วันนี้ขอแนะนำ 5 วิธีในการดูแลแอร์รถยนต์ให้อยู่กับเราไปได้นานๆได้ดังนี้ 1.การเปิดแอร์รถยนต์ก่อนสตาร์ทเครื่องรถยนต์ระบบของแอร์รถยนต์จะต้องปิดอยู่ทุกครั้ง และเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ทำการเปิดระบบแอร์รถยนต์ เริ่มจากสวิทซ์พัดลม แล้วถึงกดสวิทซ์ทำความเย็น (A/C) ปรับอุณหภูมิที่พอประมาณ แต่ถ้าภายในรถยนต์มีความร้อนมากควรลดกระจกเพื่อระบายความร้อนแทนการปรับอุณหภูมิที่สูง เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์ของระบบแอร์ไม่ทำงานหนักจนเกินไประบบแอร์จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นมากด้วย การปิดแอร์รถยนต์ก่อนถึงจุดมุ่งหมายสัก 5 นาที ควรปิดสวิทซ์ทำความเย็น(A/C) เปิดกระจกพอสมควร เหลือการทำงานของแต่พัดลมแอร์เพื่อทำการไล่ความชื้นและกลิ่นในระบบแอร์สักระยะหนึ่งก่อนถึงจุดหมายเมื่อถึงจุดหมายค่อยปิดพัดลมแอร์แล้วดับเครื่องรถยนต์ 3.การล้างระบบแอร์รถยนต์หรือที่เรียกกันว่าการล้างตู้แอร์ เป็นการทำความสะอาดไม่ให้มีสกปรกอุดตันในระบบแอร์ ที่จะทำให้ระบบแอร์ทำงานหนักมากขึ้น ควรล้างระบบแอร์อย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน การทำความสะอาดภายในห้องผู้โดยสารให้สะอาดอยู่อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดกลิ่น , ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่จะเข้าไปอุดตันของระบบแอร์รถยนต์ทำให้ต้องมีการล้างแอร์บ่อยครั้ง การติดฟิล์มกรองแสงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยลดความร้อนภายในห้องผู้โดยสารรถยนต์ได้เป็นอย่างดี และจะช่วยให้การทำงานของระบบแอร์ทำงานหนักน้อยลง การดูแลระบบของแอร์รถยนต์ไม่จำเป็นต้องรอให้ครบกำหนดระยะเวลาการตรวจเช็ค ก่อนถึงการเช็คระยะ ระหว่างนั้นเราสามารถดูแลระบบแอร์รถยนต์เองได้และจะทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นควรเลือกซื้อหาอุปกรณ์แอร์รถยนต์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานเมื่อมีการซ่อมแซม เปลี่ยนอุปกรณ์ หรือน้ำยาแอร์รถยนต์ ที่ “น้ำยาแอร์ดอทคอม” จำหน่ายน้ำยาแอร์รถ แอร์บ้านทุกชนิด พร้อมอุปกรณ์แอร์ต่างๆมีพนักงานคอยบริการตอบคำถามให้คำแนะนำจากประสบการณ์ด้านการจำหน่ายน้ำยาแอร์มากว่า20ปี โทร094-341-3124 หรือ ทาง Line@namyaair