ต้นเหตุของแอร์เหม็นอับและวิธีแก้ไข เมื่อเช้าสู่ช่วงหน้าฝน ปัญหาที่กวนใจที่สุดที่หลายๆคนต้องเจอกัน นั่นก็คือ “กลิ่นแอร์เหม็นอับ “ ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด แต่ไม่ต้องกังวล เราจะมาแก้ไขปัญหาว่าทำไมแอร์ถึงเหม็นอับและมีวิธีแก้ไขอย่างไร ก่อนอื่นเราต้องทำความรู้จักกับศัตรูตัวร้ายที่มาอยู่ในเครื่องปรับอากาศกันก่อน ฝุ่นละออง ฝุ่นสะสมในแผ่นกรองอากาศหรือคอยล์เย็นไม่ได้แค่ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น แต่ยังเป็นอาหารชั้นดีของการเกิดเชื้อราและแบคทีเรียได้อีกด้วย ยิ่งเกิดฝุ่นมาก ยิ่งทำให้มีโอกาสเกิดกลิ่นเหม็นอับมากยิ่งขึ้น เชื้อรา ความชื้นที่เกิดภายในตัวเครื่องปรับอากาศจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของพวกเชื้อรา โดยเฉพาะถาดน้ำทิ้ง คอยล์เย็น เป็นต้น เชื้อราชอบอากาศอัพชื้น และเมื่อเกิดการเจริญเติบโต มันก็จะปล่อยกลิ่นอับออกมา แบคทีเรีย แบคทีเรียก็มักจะอาศัยในเครื่องปรับอากาศเหมือนกัน โดยเฉพาะในส่วนที่มีน้ำขัง พวกมันจะเจริญเติบโตและปล่อยกลิ่นเหม็นเน่าออกมา ทำให้อากาศอับชื้น แหล่งน้ำที่ขัง หากระบบระบายน้ำของเครื่องปรับอากาศมีปัญหา ทางเดินน้ำที่ควรจะไหลออกก็จะไปขังอยู่ในเครื่องแทน ทำให้เกิดแหล่งเพาะเชื้อโรคและทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับออกมานั่นเอง สัตว์เล็กๆ บางครั้งอาจจะมีแมลงขนาดเล็กๆแอบเข้าไปอาศัยอยู่ในเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเมื่อมันตาย ก็จะส่งกลิ่นเหม็นออกมาได้ วิธีแก้ไขปัญหากลิ่นอับในเครื่องปรับอากาศ ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ แผ่นกรองอากาศทำหน้าที่เหมือนเป็นด่านแรกในการกรองฝุ่น เชื้อโรค และสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่ให้เข้าไปสะสมภายในระบบเครื่องปรับอากาศ การทำความสะอาดแผ่นกรองอย่างเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทำความสะอาดภายในและภายนอก การทำความสะอาดและดูแลรักษาทำความสะอาดของตัวเครื่องปรับอากาศภายในและภายนอก ให้ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องเบาๆ อย่าให้น้ำเข้าไปในช่องระบายอากาศ ส่วนการทำความสะอาดภายใน ก็เป็นสิ่งจำเป็น ให้ทำการเปิดฝาเครื่องแล้วใช้ผ้าชุปน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดภายในเลาๆ โดยเฉพาะบิรเวณครีบระบายความร้อนที่มักจะเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและเชื้อรา แต่สิ่งที่ต้องระวังคืออย่าให้น้ำสัมผัสกับส่วนที่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าเด็ดขาด
Category Archives: Uncategorized
น้ำยาแอร์แบบไหนที่เป็นอันตราย หลายปีที่ผ่านมา เราเจอปัญหา ก๊าซเรือนกระจกที่ปกคลุมโลกจะกักเก็บความร้อนจากดวงอาทิตย์ไว้บนโลก ซึ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในปัจจุบันภาวะโลกร้อนกำลังเกิดขึ้นเร็วมาก ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสมดุลของธรรมชาติ และจะก่อให้เกิดความเสี่ยงมากมายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลกใบนี้ เรื่องของน้ำยาแอร์ก็ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม และมีอันตรายต่อมนุษย์ เมื่อสูดดมเข้าไป แต่จะมีใครรู้หรือไม่ว่า น้ำยาแอร์ในสมัยใหม่ ก่อให้เกิดผลเสียเหล่านี้น้อยลงแล้วในปัจจุบัน น้ำยาแอร์ เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมเย็นของระบบทำความเย็น ซึ่งอาจจะแบ่งได้หลายประเภทตามขนาดการใช้งานที่เหมาะสม สำหรับเครื่องทำความเย็น บทความนี้จะช่วยให้เราได้เข้าใจว่า น้ำยาแอร์แบบไหนที่เป็นอันตรายบ้าง น้ำยาแอร์ที่ไม่อันตราย หมายถึง น้ำยาแอร์ที่ไม่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้ 1.น้ำยาแอร์ที่ไม่ทำลายชั้นโอโซน ( Ozone Depletion Potential หรือ OPD = ๐ ) – R410A เป็นน้ำยาแอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ประกอบด้วยสาร R125 และ R32 ผสมกัน มีประสิทธิภาพการทำความเย็นสูง ไม่ทำลายชั้นโอโซน แต่มี ค่า GWP (Global Warming
ประเภทน้ำยาที่ใช้กับแอร์บ้านมีกี่ชนิด น้ำยาเป็นตัวกลางในการทำความเย็น ขณะที่น้ำยาในระบบภายในอีวาพอเรเตอร์เดือดเปลี่ยนสถานะเป็นไอที่อุณหภูมิและความดันต่ำจะต้องการความร้อนแฝง ดูดรับปริมาณความร้อนจากอากาศภายในห้องโดยรอบอีวาพอเรเตอร์ ปริมาณความร้อนจำนวนนี้จะถูกระบายทิ้งภายนอกห้องที่คอนแดนเซอร์ เพื่อให้น้ำยากลั่นตัวเป็นของเหลวอีกครั้งหนึ่ง 1. น้ำยาแอร์ R22 น้ำยาแอร์หรือที่เรียกว่าสารทำความเย็น ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันสำหรับแอร์บ้านทั่วไป เป็นสารจำพวก CFCs (Chloro Fluoro Carbons) ซึ่งมีคุณสมบัติคือ ไม่มีพิษ ไม่มีกลิ่น และความถ่วงจำเพาะของสารในสถานะก๊าซจะหนักกว่าอากาศโดยที่สารเหล่านี้จะมีจุดเดือดที่ต่ำกว่า สารทั่วไป จึงถูกนำมาใช้ในการทำความเย็น โดยที่สารทำความเย็นที่มีจุดเดือดต่ำจะถูกใช้ในการทำความเย็นที่อุณหภูมิต่ำ และสารทำความเย็นที่มีจุดเดือดสูงจะถูกใช้ในทำความเย็นที่อุณหภูมิสูง ขึ้นอยู่กับวัตถูประสงค์ของการใช้งาน สำหรับชนิดที่นิยมใช้กันมากที่สุดสำหรับแอร์บ้านก็คือ R-22 (Freon-22) โดยมีจุดเดือดอยู่ที่ -40.B ‘C 2.น้ำยาแอร์ R32 เป็นสารทำความเย็นที่ถูกพัฒนามาเพื่อทดแทนชนิด R22 โดยมีข้อดีที่มีค่า ODP ที่ต่ำกว่าสารทำความเย็นชนิด R22 จึงทำให้ไม่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศแต่ข้อเสียก็คือราคาจะแพงกว่าสารทำความเย็นชนิด R22 และถึงแม้ว่าจะไม่ทำลายชั้นโอโซนแต่ก็ยังส่งผลต่อภาวะเรือนกระจกอยู่ซึ่งมีค่า ODP (ดัชนีวัดการทำลายโอโซน) = 0 ค่า, GWP(ดัชนีชี้วัดผลกระทบภาวะโลกร้อน) = 675 และมีค่า Cooling Capacity(ประสิทธิภาพการทำความเย็น) = 160
สัญญาณเตือน เมื่อน้ำยาแอร์รถยนต์ขาด สภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนจัด เมื่อเราต้องเจอกับปัญหาแอร์รถยนต์ที่ไม่เย็น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนใช้รถยนต์ไม่อยากเจอ เพราะการต้องขับรถยนต์ฝ่าการจราจรที่ติดขัด โดยระบบปรับอากาศรถยนต์ไม่สมบูรณ์คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเป็นแน่ และหากแอร์รถยนต์มีกลิ่นอับ ลมแอร์เบากว่าปกติ หรือเริ่มมีน้ำหยดลงพื้นห้องโดยสาร อาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า น้ำยาแอร์รถยนต์ขาด ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ห้องโดยสารของเราไม่เย็นนั่นเอง เราจึงควรว่า สัญญาณเตือนเมื่อน้ำยาแอร์รถยนต์ขาดมีอะไรบ้าง ดังต่อไปนี้ สัญญาณเตือนเมื่อน้ำยแอร์รถยนต์ขาด 1.แอร์รถยนต์ไม่เย็น -อาการที่พบได้บ่อยที่สุดคือ แอร์ไม่เย็นหรือเย็นน้อยลงกว่าปกติ -สังเกตได้ว่า แอร์ไม่สามารถทำความเย็นภายในห้องโดยสารให้เย็นฉ่ำเหมือนเคย -แม้จะเร่งพัดลมแอร์แล้ว อุณหภูมิภายในรถยนต์ก็ยังไม่เย็นลง 2.ลมจากแอร์มีกลิ่นเหม็นอับ -น้ำยาแอร์มีหน้าที่หล่อลื่นคอมเพรสเซอร์แอร์ -เมื่อน้ำยาแอร์ขาด คอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานหนักขึ้น -เกิดความร้อนสูง และอาจจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับจากช่องแอร์รถยนต์ 3.คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานติดๆ ดับๆ -เมื่อน้ำยาแอร์ขาด คอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานหนัก -เซ็นเซอร์แรงดันในระบบจะตัดการทำงาน -ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานติดๆ ดับๆ 4.เสียงดังจากคอมเพรสเซอร์แอร์ -คอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานหนักขึ้น -เกิดเสียงดังผิดปกติ -เสียงคล้ายเหล็กกระทบกัน 5.น้ำแข็งเกาะที่ท่อแอร์
มาทำความรู้จัก น้ำยาแอร์ R290 น้ำยาแอร์ R290 เป็นสารทำความเย็นธรรมชาติ ที่มีแนวโน้มการนำมาใช้งานเพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้เป็น น้ำยาแอร์ ในอุตสาหกรรม การผลิตเครื่องปรับอากาศ และ ตู้แช่เย็นเชิงพาณิชย์ โดยน้ำยาแอร์ชนิดนี้ จัดเป็นก๊าซประเภท ไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) ที่มีความบริสุทธิ์สูง จัดเป็นน้ำยาแอร์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming Potential : GWP) ต่ำ นอกจากนี้ ยังไม่ทำลายโอโซน ในชั้นบรรยากาศ (Ozone Depletion Potential : ODP) จึงเป็นน้ำยาแอร์ทางเลือก ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าน้ำยาแอร์ ประเภท คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFCs) และ ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) การนำไปใช้งาน น้ำยาแอร์ R290 โดยส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้ เป็นสารทำความเย็น ในระบบทำความเย็น เช่น ในเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และ ตู้แช่เย็นเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้
ประเภทน้ำยาที่ใช้กับแอร์บ้านมีกี่ชนิด น้ำยาเป็นตัวกลางในการทำความเย็น ขณะที่น้ำยาในระบบภายในอีวาพอเรเตอร์เดือดเปลี่ยนสถานะเป็นไอที่อุณหภูมิและความดันต่ำจะต้องการความร้อนแฝง ดูดรับปริมาณความร้อนจากอากาศภายในห้องโดยรอบอีวาพอเรเตอร์ ปริมาณความร้อนจำนวนนี้จะถูกระบายทิ้งภายนอกห้องที่คอนแดนเซอร์ เพื่อให้น้ำยากลั่นตัวเป็นของเหลวอีกครั้งหนึ่ง 1. น้ำยาแอร์ R22 น้ำยาแอร์หรือที่เรียกว่าสารทำความเย็น ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันสำหรับแอร์บ้านทั่วไป เป็นสารจำพวก CFCs (Chloro Fluoro Carbons) ซึ่งมีคุณสมบัติคือ ไม่มีพิษ ไม่มีกลิ่น และความถ่วงจำเพาะของสารในสถานะก๊าซจะหนักกว่าอากาศโดยที่สารเหล่านี้จะมีจุดเดือดที่ต่ำกว่า สารทั่วไป จึงถูกนำมาใช้ในการทำความเย็น โดยที่สารทำความเย็นที่มีจุดเดือดต่ำจะถูกใช้ในการทำความเย็นที่อุณหภูมิต่ำ และสารทำความเย็นที่มีจุดเดือดสูงจะถูกใช้ในทำความเย็นที่อุณหภูมิสูง ขึ้นอยู่กับวัตถูประสงค์ของการใช้งาน สำหรับชนิดที่นิยมใช้กันมากที่สุดสำหรับแอร์บ้านก็คือ R-22 (Freon-22) โดยมีจุดเดือดอยู่ที่ -40.B ‘C 2.น้ำยาแอร์ R32 เป็นสารทำความเย็นที่ถูกพัฒนามาเพื่อทดแทนชนิด R22 โดยมีข้อดีที่มีค่า ODP ที่ต่ำกว่าสารทำความเย็นชนิด R22 จึงทำให้ไม่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศแต่ข้อเสียก็คือราคาจะแพงกว่าสารทำความเย็นชนิด R22 และถึงแม้ว่าจะไม่ทำลายชั้นโอโซนแต่ก็ยังส่งผลต่อภาวะเรือนกระจกอยู่ซึ่งมีค่า ODP (ดัชนีวัดการทำลายโอโซน) = 0 ค่า, GWP(ดัชนีชี้วัดผลกระทบภาวะโลกร้อน) = 675 และมีค่า Cooling Capacity(ประสิทธิภาพการทำความเย็น) = 160 3.น้ำยาแอร์ R410A เป็นสารทำความเย็น รุ่นใหม่ล่าสุด
การจัดเก็บสารทำความเย็น ประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน ที่มีอุณหภูมิสูง ยิ่งช่วงฤดูร้อนที่มอุณหภูมิสูงแตะ 40°C ในปี 2567 นี้ การจัดเก็บถังสารทำความเย็นอย่างปลอดภัย ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากแสงแดด และอากาศร้อน สามารถสร้างความเสียหายให้กับสารทำความเย็นที่จัดเก็บไว้ได้ ซึ่งหมายถึงอาจจะสร้างความเสียหายต่อระบบทำความเย็น ธุรกิจ และบุคลากรอีกด้วย การจัดเก็บถังสารทำความเย็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากความร้อน ต่อไปนี้คือวิธีเก็บรักษาถังสารทำความเย็นที่ความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น สถานที่จัดเก็บ เก็บถังไว้ในที่เย็นและมีอากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อป้องกันการสะสมของก๊าซ หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง ตัวการที่ทำให้สารทำความเย็นมีความดันเพิ่มขึ้น เช่น สถานที่ในอาคารที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกจะดีที่สุด อุณหภูมิ อุณหภูมิสูงสามารถเพิ่มแรงดันภายในถังน้ำยาได้ ซึ่งทำให้เกิดการรั่วไหลหรือชำรุด โดยทั่วไปแนะนำให้เก็บสารทำความเย็นไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 120°F (49°C) เพื่อลดแรงดันที่จะเพิ่มขึ้น การวางถัง ควรวางในตำแหน่งที่ปลอดภัย บนพื้นเรียบ หรือชั้นวางที่เหมาะสมที่ถูกออกแบบมาเพื่อยึดถังสารทำความเย็น และควรวางในลักษณะตั้งตรง ห่างจากทางเข้าประตูหรือทางเดินเพื่อป้องกันการชน กระแทก โดยไม่ตั้งใจ ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ทั้งฉลากบนถังที่ชัดเจนด้วยประเภทสารทำความเย็น ตัวถัง วาล์ว ร่องรอยความเสียหายที่จะนำมาซึ่งการรั่วไหล และการกัดกร่อน แม้จะมีการจัดเก็บที่เหมาะสม แต่ผู้ใช้งานควรป้องกันตัวเองด้วยการสวมใส่แว่นตานิรภัย และถุงมือเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และมีการฝึกอบรมแก่บุคลากรที่รับผิดชอบ หรือจัดการสารทำความเย็น เพื่อให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ และรู้วิธีการจัดการได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะสารทำความเย็นที่มีคุณสมบัติเป็นพิษ
วิธีประหยัดไฟการใช้เครื่องปรับอากาศช่วงหน้าร้อน การเปิดเครื่องปรับอากาศในหน้าร้อนทำให้ค่าไฟยิ่งพุ่งกระฉูด แต่ถ้าไม่เปิดก็คงจะอยู่บ้านไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นมาดูวิธีประหยัดไฟ โดยการลดการใช้แอร์แต่อากาศภายในบ้านก็ยังเย็นสบายกันดีกว่าค่ะ 1. เพิ่มอุณหภูมิตอนกลางคืน เพราะในตอนกลางคืนเป็นช่วงที่ไม่มีแสงแดด ฉะนั้นอากาศก็ร้อนน้อยลงกว่าช่วงกลางวันระดับหนึ่ง การปรับอุณหภูมิแอร์เพิ่มขึ้น 1 องศาในช่วงที่คุณนอนหลับหรือก่อนเข้านอนสัก 1-2 ชั่วโมง ก็จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 2. เปิดพัดลมควบคู่ไปด้วย การเปิดพัดลมควบคู่ไปกับการเปิดแอร์นั้นสิ้นเปลืองน้อยกว่าการเปิดแอร์อย่างเดียว โดยการเพิ่มอุณหภูมิแอร์ไปที่ 27-28 องศา แล้วเปิดพัดลมควบคู่ไปด้วย พัดลมก็จะช่วยลดอุณหภูมิลงมาได้อีก 3. ควบคุมชั่วโมงเครื่องปรับอากาศ ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ปิดแอร์แป๊บเดียวก็กลับมาร้อนเ ดังนั้นคงเป็นไปได้ยากถ้าหากจะให้ควบคุมชั่วโมงเปิดแอร์ตอนกลางวัน ฉะนั้นหากอยากประหยัดค่าไฟแนะนำให้ใช้วิธีนี้ในตอนกลางคืน 4. ใช้เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่จะทำความเย็นเฉพาะจุดหรือพื้นที่ที่ต้องการ ซึ่งจะต่างจากแอร์ตัวใหญ่ที่มีระบบการทำงานแบบกระจายความเย็นทั้งห้อง ทั้งนี้ยังใช้ไฟน้อยกว่าเครื่องปรับอากาศอีก 5. เปิดพัดลมก่อนเปิดเครื่องปรับอากาศ หากกลับถึงบ้านแล้วเปิดเครื่องปรับอากาศเลย ในขณะที่ยังร้อนอยู่ก็ทำให้เครื่องปรับอากาศกินไฟเพราะทำงานหนักขึ้น ฉะนั้นก่อนจะเปิดควรเปิดพัดลมไล่ลมร้อนออกไปก่อนสักพัก แล้วค่อยเปิดเครื่องปรับอากาศตามทีหลัง 6. ปิดไฟแล้วเปิดม่านแทน นอกจากแสงแดดที่ทำให้เกิดความร้อนในบ้านแล้ว แสงไฟจากหลอดไฟก็มีส่วนที่ทำให้บ้านร้อนเหมือนกัน อีกทั้งยังทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นด้วย ฉะนั้นในตอนกลางวันแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเปิดไฟ แล้วเปลี่ยนไปเปิดหน้าต่างหรือเปิดแค่ผ้าม่านแทน ปิดประตูและหน้าต่างให้สนิท ก่อนเปิดเครื่องปรับอากาศควรจะปิดประตูหน้าต่างในห้องให้สนิท หากตรวจสอบว่าปิดสนิทดีแล้วแต่ค่าไฟยังแพงอยู่ อาจจะเป็นเพราะมีจุดรั่วไหลของตัวเครื่องปรับอากาศของตามช่องใต้ประตูหรือหน้าต่าง ฉะนั้นควรปิดรอยรั่วให้เรียบร้อย ล้างเครื่องปรับอากาศ เมื่อผ่านการใช้งานไปนาน ๆ
แนวโน้มการลดใช้สารทำความเย็น HFCs ในประเทศไทย การเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ จากการยุติการใช้สาร HFCs ภายใต้พิธีสารมอนทรออลว่าด้วยสาร ทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน ทำไมจึงต้องมีการลดมลพิษต่อสภาพภูมิอากาศที่มีช่วงชีวิตสั้นและไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) และเมื่อลดได้จะมีศักยภาพช่วยลดการปล่อย รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้เพียงใด เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 ประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ตกลงร่วมกันถึงเป้าหมายที่เข้มข้นในการ จำกัดอุณหภูมิของโลกให้อยู่ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส โดยจะพยายามรักษาการเพิ่มของอุณหภูมิไว้ไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้สำเร็จ ประเทศต่างๆจำต้องแสวงหาโอกาสและทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ารจำกัดอุณหภูมิให้ได้ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่เราจะต้องเสริมการลดการปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่เข้มข้นด้วยการดำเนินการอย่างรวดเร็วในการลดมลพิษอื่นๆซึ่งคิดเป็นร้อยละ 40- 45 ของต้นเหตุการเกิดโลกร้อน มลพิษอื่นๆเหล่านี้ ได้แก่ คาร์บอนดำ มีเธน โอโซนในชั้นโทรโปสเฟียร์ และ HFCs ถือเป็น “มลพิษต่อสภาพภูมิอากาศ ที่มีชีวิตสั้น” เนื่องจากช่วงชีวิตในชั้นบรรยากาศของมลพิษเหล่านี้สั้นกว่าของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หลายปี และช่วงชีวิตที่สั้นนี้ย่อมหมายความว่า การลดการปล่อยสารเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ การชะลออัตราการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศลง ซึ่งจะช่วยปกป้องชุมชนที่เปราะบางและภูมิภาคที่มีความเสี่ยงสูงจากผลกระทบในระยะสั้น และเพื่อหลีกเลี่ยงการถึงจุดสูงสุดที่จะทำให้เกิดผลกระทบจากโลกร้อนในระยะยาว การยุติการปล่อยสาร HFCs
ธุรกิจอุตสาหกรรมทำความเย็นที่ควรต้องรู้ สำหรับธุรกิจระบบห้องเย็นอุตสาหกรรมในประเทศไทย มีหลายแบบหลายขนาดขึ้นอยู่กับรูปแบบ สินค้า และพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าแต่ละชนิด ซึ่งรวมถึงอุณหภูมิที่ต้องการจัดเก็บสินค้าด้วยจะแตกต่างกันออกไปตามการใช้งานและสินค้าที่ต้องการจัดเก็บเพราะสินค้าแต่ละชนิดก็มีความต้องการอุณหภูมิความเย็นที่ไม่เหมือนกัน เช่น อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ต้องการอุณหภูมิที่ความเย็นจัด ส่วนพวกเครื่องดื่ม ผัก ผลไม้ ยาและเวชภัณฑ์ ต้องการอุณหภูมิที่ความเย็นไม่มาก เพราะถ้าหากเย็นเกินไป อาจทำให้สินค้าเสียหายได้ ส่วนระบบทำความเย็นขนาดใหญ่นั้นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องใช้คือน้ำยาแอร์ ซึ่งก็มีหลายชนิดที่ระบบห้องเย็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต้องเตรียมพร้อม หากเกิดการรั่วจากระบบก็สามารถซ่อมแซมแก้ไขได้ทันที เพราะจะต้องเก็บสินค้าไว้ตลอด24ชม.เพื่อไม่ให้สินค้าเกิดความเสียหายได้ หากน้ำยาแอร์เกิดการรั่วจะไม่เกิดการระเบิด แต่สิ่งที่ต้องทำและรีบดำเนินการในทันทีคือ 1.เนื่องจากคุณสมบัติของน้ำยาแอร์ที่หนักกว่าอากาศ จะทำให้น้ำยาแอร์กระจายไปทั่ว จึงควรที่ต้องต้องรีบทำให้อากาศถ่ายเทโดยเร็ว เพื่อเพิ่มออกซิเจนในอากาศให้กลับสู่ปกติ ดังนั้นพื้นที่จัดเก็บหรือที่ปฏิบัติงานควรมีอากาศถ่ายเทอากาศได้ดี 2.การซ่อมบำรุงควรปล่อยน้ำยาแอร์ออกจากระบบให้หมดในการซ่อมแซมแล้วปล่อยไนโตรเจนไล่ก่อนใช้แก๊สเชื่อมหรือตัดอุปกรณ์ในระบบ ห้ามเชื่อมหรืออุดรอยรั่วในขณะที่ระบบยังมีน้ำยาแอร์อยู่ เพราะเมื่อความร้อนสัมผัสน้ำยาแอร์จะเกิดการขยายตัวสูงอาจทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ 3.ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันเมื่อปฏิบัติงานเพราะน้ำยาแอร์ถ้าสัมผัสถูกผิวหนังหรือร่างกายโดยตรงจะเกิดอันตรายคล้ายถูกไอน้ำหรือน้ำร้อนลวก เป็นรอยไหม้ ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นควรรีบล้างน้ำสะอาดโดยทันที หากอาการหนักก็ควรรีบไปพบแพทย์ 4.การจัดเก็บน้ำยาแอร์ไม่ควรตากแดดร้อนจัดเป็นเวลานานๆควรจัดเก็บให้อยู่ในที่ร่มและที่ระบายอากาศได้ดี เพราะไม่ให้น้ำยาแอร์เกิดการรั่วและอาจระเบิดขึ้นได้ สำหรับธุรกิจระบบห้องเย็นอุตสาหกรรมนั้นต้องหมั่นตรวจสอบอุณหภูมิและอุปกรณ์ต่างๆให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานตลอดเวลาและไม่ควรเกิดการรั่วซึม เพื่อที่จะไม่เกิดความเสียหายกับสินค้าที่จัดเก็บ ซึ่งสินค้าบางอย่างมีมูลค่าที่สูงมาก และต้องจัดเก็บได้ตลอด 24 ชม. ดังนั้นควรที่จะตรวจเช็คระบบให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ หากต้องการได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบห้องเย็น สามารถโทรติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ น้ำยาแอร์ดอทคอม ศูนย์รวมน้ำยาตู้เย็น ตู้แช่ทุกชนิด ที่ Line@namyaair หรือ โทร. 0943413124 สนใจสั่งซื้อน้ำยาแอร์ กับน้ำยาแอร์ดอทคอม โทรเลย 0943413124