Tag Archives: นํ้ายาเเอร์ราคา

การจัดเก็บสารทำความเย็น

การจัดเก็บสารทำความเย็น ประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน ที่มีอุณหภูมิสูง  ยิ่งช่วงฤดูร้อนที่มอุณหภูมิสูงแตะ 40°C ในปี 2567 นี้ การจัดเก็บถังสารทำความเย็นอย่างปลอดภัย ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากแสงแดด และอากาศร้อน สามารถสร้างความเสียหายให้กับสารทำความเย็นที่จัดเก็บไว้ได้ ซึ่งหมายถึงอาจจะสร้างความเสียหายต่อระบบทำความเย็น ธุรกิจ และบุคลากรอีกด้วย  การจัดเก็บถังสารทำความเย็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากความร้อน ต่อไปนี้คือวิธีเก็บรักษาถังสารทำความเย็นที่ความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น สถานที่จัดเก็บ เก็บถังไว้ในที่เย็นและมีอากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อป้องกันการสะสมของก๊าซ หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง ตัวการที่ทำให้สารทำความเย็นมีความดันเพิ่มขึ้น เช่น สถานที่ในอาคารที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกจะดีที่สุด อุณหภูมิ อุณหภูมิสูงสามารถเพิ่มแรงดันภายในถังน้ำยาได้ ซึ่งทำให้เกิดการรั่วไหลหรือชำรุด โดยทั่วไปแนะนำให้เก็บสารทำความเย็นไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 120°F (49°C) เพื่อลดแรงดันที่จะเพิ่มขึ้น การวางถัง ควรวางในตำแหน่งที่ปลอดภัย บนพื้นเรียบ หรือชั้นวางที่เหมาะสมที่ถูกออกแบบมาเพื่อยึดถังสารทำความเย็น และควรวางในลักษณะตั้งตรง ห่างจากทางเข้าประตูหรือทางเดินเพื่อป้องกันการชน กระแทก โดยไม่ตั้งใจ ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ทั้งฉลากบนถังที่ชัดเจนด้วยประเภทสารทำความเย็น ตัวถัง วาล์ว ร่องรอยความเสียหายที่จะนำมาซึ่งการรั่วไหล และการกัดกร่อน แม้จะมีการจัดเก็บที่เหมาะสม แต่ผู้ใช้งานควรป้องกันตัวเองด้วยการสวมใส่แว่นตานิรภัย และถุงมือเสมอ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และมีการฝึกอบรมแก่บุคลากรที่รับผิดชอบ หรือจัดการสารทำความเย็น เพื่อให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ และรู้วิธีการจัดการได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะสารทำความเย็นที่มีคุณสมบัติเป็นพิษ

ความปลอดภัยในการใช้งานห้องเย็น

ความปลอดภัยในการใช้งานห้องเย็น สำหรับการใช้งานห้องเย็นนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของหลายๆธุรกิจ ทั้งผู้ผลิตรายใหญ่ ผู้ประกอบการรายย่อย เนื่องด้วยประเทศไทยมีอุณหภูมิที่ร้อน การผลิต การจัดเก็บจึงต้องอาศัยห้องที่สามารถกำหนดอุณหภูมิให้เหมาะสมกับวัตถุดิบ สินค้านั้นๆซึ่งอุณหภูมิส่วนใหญ่จึงเป็นอุณหภูมิที่ติดลบ จึงอาจเกิดอันตรายกับผู้ปฏิบัติงานได้ รวมถึงอันตรายอื่นๆที่อาจเกิดขึ้น เช่นการรั่วไหลของสารทำความเย็น ในบทความนี้จึงรวบรวมถึงแนวทางปฏิบัติต่างๆเพื่อการใช้งานห้องเย็นให้ปลอดภัย อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อทำงานในห้องเย็น มีดังนี้ อุบัติเหตุเนื่องจากคนถูกขังติดอยู่ในห้องเย็น – ความเย็นทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อ (Cold Burn) คือ เกิดผลึกน้ำแข็งในเซลล์ของเนื้อเยื่อที่ถูกความเย็น มีการทำลายระบบไหลเวียนในหลอดเลือดฝอย ซึ่งการอุดตันที่เกิดขึ้นจากระบบไหลเวียนเลือดนี้ไม่อาจกลับคืนดีได้ดังเดิมแม้เนื้อเยื่อจะได้รับความอุ่นเป็นปกติแล้วก็ตาม – ความเย็นทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง (Hypothermia) การที่อุณหภูมิร่างกายลดลงนั้นจะทำให้การทำงานของสมองช้าลง การตัดสินใจช้า หรือหมดความรู้สึก และเสียชีวิตในที่สุด อาการเตือนในระยะแรกๆ จะมีการเจ็บปวดที่ปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า  แสดงถึงอันตรายของความเย็น ในระหว่างที่มีการสัมผัสกับความเย็น เคยพบว่าบางโรงงานมีคนที่เกิดอาการเจ็บปลายนิ้ว แต่ไม่เคยรู้เลย   และเมื่อเกิดการสั่นอย่างรุนแรงจะเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิในร่างกายลดลงถึง 35◦C ถือได้ว่าบอกอันตรายที่จะเกิดขึ้นจึงควรให้หยุดการสัมผัสความเย็นทันที ​มาตรการป้องกันไม่ให้มีผู้ปฏิบัติงานหรือบุคคลอื่นๆถูกขังติดอยู่ในห้องเย็น -เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่เข้าไปภายในห้องเย็นได้ -มีป้าย ห้ามผู้ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปข้างใน ติดเตือนอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องเย็น -มีทางออกฉุกเฉินอย่างน้อย1ทาง   มีป้ายเตือนบอกทางในจํานวนที่เพียงพอ และไม่มีวัตถุใดๆกีดขวางทางออกฉุกเฉิน -มีสัญญาณเตือนภัยสําหรับให้ผู้ที่ติดในห้องเย็นใช้แจ้งให้ผู้อยู่ข้างนอกทราบว่ามีคนติดอยู่ในห้องเย็น ระบบควรทํางานโดยมีแบตเตอรี่สํารอง มีป้ายบอกและติดตั้งสัญญาณเตือนในตําแหน่งที่เหมาะสม -มีไฟฉุกเฉิน ที่ทํางานด้วยระบบแบตเตอรี่สํารอง -มีการบํารุงรักษาและทดสอบอุปกรณ์ระบบความปลอดภัย -ก่อนที่จะล๊อกประตูต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดทุกครั้ง  

วิธีการเติมน้ำยาแอร์ด้วยถังแบบใช้แล้วทิ้ง

วิธีการเติมน้ำยาแอร์ด้วยถังแบบใช้แล้วทิ้ง ในปัจจุบันนี้การใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนจะต้องเกี่ยวข้องกับเครื่องปรับอากาศแบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องด้วยอากาศที่ร้อนในประเทศไทย จึงทำให้ต้องมีเครื่องปรับอากาศเสมอไม่ว่าจะที่ทำงาน บ้าน อาคาร ห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งในห้องน้ำบางที่ มันสามารถช่วยได้มากทีเดียว ซึ่งเราสามารถตั้งค่าอุณภูมิได้ตามความต้องการได้อย่างสะดวกสบาย แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องปรับอากาศก็ต้องมีดูแลและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้มีประสิทธิภาพการใช้งานได้เต็มที่ และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย การเติมน้ำยาแอร์ในเครื่องปรับอากาศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการซ่อมบำรุง จะต้องเติมเมื่อมีปริมาณน้ำยาแอร์ที่ลดลง สาเหตุมักจะเกิดจากการเสียหายภายในหรือเกิดจากการรั่วซึ่มของท่อแอร์ จะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับการใช้งาน เนื่องจากปกติแล้วจะไม่ค่อยมีปัญหาและจะใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าสารทำความเย็นจะระเหยไปหมด การเติมน้ำยาแอร์เป็นการเพิ่มสารทำความเย็นให้กับเครื่องปรับอากาศ ในที่นี้เราจะพูดถึงการเติมน้ำยาแอร์ด้วยถังแบบใช้แล้วทิ้งมีดังนี้ การเติมแบบไม่คว่ำถัง ในการเติมน้ำยาแอร์แบบปกติไม่คว่ำถัง เราสามารถเติมได้ในส่วนของน้ำยา R22 และ R32 เท่านั้น เพราะเป็นน้ำยาที่มีส่วนผสมตัวเดียว จึงไม่แนะนำให้เติมแบบคว่ำถัง เพราะอาจจะทำให้คอมเพรสเซอร์เสียหายได้ เพราะเครื่องปรับอากาศอาจจะไม่ได้รองรับการเติมน้ำยาที่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร การเติมแบบคว่ำถังเติม ในการเติมน้ำยาแอร์แบบคว่ำถังเติม ส่วนมากจะใช้กับน้ำยาแอร์ R410A   สาเหตุที่ต้องคว่ำถังเติม เพราะน้ำยาแอร์ R410A มีส่วนผสมของน้ำยาอยู่ 2 ชนิด (R32 = 50% และ R125 = 50% ) ถ้าเติมแบบปกติไม่คว่ำถังอาจจะทำให้ส่วนผสมของทั้ง 2 ชนิดไม่ได้สัดส่วนตามที่ผู้ผลิตกำหนด และจะทำให้เครื่องปรับอากาศเย็นหรือไม่เย็นก็ได้ หากเราเติมสารทำความเย็นเข้าไปตามที่ผู้ผลิตกำหนด

สารทำความเย็นที่ใช้ในตู้เย็นมีอะไรบ้าง

สารทำความเย็นที่ใช้ในตู้เย็นมีอะไรบ้าง สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกๆครัวเรือนต้องมีและที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำ นั่นก็คือ ตู้เย็น ซึ่งใช้ในการเก็บรักษาอาหาร รวมทั้งแช่เครื่องดื่ม เนื้อสัตว์และสิ่งของต่างๆที่จำเป็น  ยิ่งประเทศไทยเป็นเมืองร้อน การได้เปิดตู้เย็นแล้วดื่มน้ำเย็นๆก็ทำให้ผ่อนคลาย สดชื่นและชื่นใจ ซึ่งตู้เย็นแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อก็มีการผลิตและใช้วัสดุอุปกรณ์ที่แตกต่างกันไป  แต่สิ่งหลักๆที่สำคัญในการทำความเย็นในตู้เย็น นั่นก็คือ น้ำยาแอร์ น้ำยาแอร์ในตู้เย็นบางชนิดก็ถูกยกเลิกการผลิตและไม่ได้ใช้งานแล้ว และถูกทดแทนพัฒนาขึ้นด้วยน้ำยาแอร์ตัวใหม่เพื่อช่วยลดสภาวะโลกร้อน ลดปรากฎการณ์เรือนกระจก  น้ำยาแอร์สำหรับตู้เย็นตัวไหนที่เคยใช้ในอดีต และน้ำยาแอร์ตัวไหนที่กำลังใช้ในปัจจุบัน ออกแบ่งได้ดังนี้ R12 น้ำยาแอร์รุ่นเก่าซึ่งในปัจจุบันพบเจอน้อย เลิกผลิตไปแล้วและไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทย   เป็นสารที่มีแรงดันต่ำ ใช้ได้ดีกับน้ำมันหล่อลื่นทุกสภาวะ ถ่ายเทความร้อนได้ดี ในอดีตเป็นที่นิยมใช้กันมาก มีความปลอดภัยไม่มีสีไม่ติดไฟ แต่สารชนิดนี้มีค่าที่ทำให้เกิดการทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนที่สูง R134a น้ำยาแอร์ตู้เย็นที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เป็นสารที่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนน้ำยาแอร์ R12 มีแรงดันสูง สามารถดูดความชื้นได้ดี ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นและไม่ติดไฟ อีกทั้งยังไม่ทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนอีกด้วย สามารถหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่สูงมาก การใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพราะเป็นสารประกอบเดี่ยวที่สามารถเติมได้เลยหากน้ำยาแอร์ในระบบขาด แต่น้ำยาแอร์ตัวนี้ถือว่ายังมีค่าทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจกที่สูงอยู่ R600 น้ำยาแอร์รุ่นใหม่ ในตู้เย็นบางยี่ห้อหันมาใช้กันมาก   เป็นสารที่มาทดแทนน้ำยาแอร์ R134a ซึ่ง R600ไม่ทำลายชั้นบรรยากาศและลดสภาวะเรือนกระจกได้ดีกว่า อีกทั้งปริมาณการใช้หากเทียบกับR134aแล้ว จะใช้น้อยกว่ามาก แต่ในสิ่งที่สำคัญของสารชนิดนี้คือ เป็นสารที่มีแรงดันสูง ติดไฟได้ง่าย

การเปิด-ปิดแอร์รถยนต์ที่ถูกวิธีและการดูแลรักษาแอร์รถยนต์เบื้องต้น

การเปิด-ปิดแอร์รถยนต์ที่ถูกวิธีและการดูแลรักษาแอร์รถยนต์เบื้องต้น ประเทศไทยเราเป็นเมืองร้อน ทุกวันนี้หลายคนมักเลือกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เพื่อความคล่องตัวในการเดินทางและด้วยเรื่องสภาพอากาศค่อนข้างร้อน แอร์รถยนต์จึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคัน และมีผลต่อระบบหายใจของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เนื่องจากต้องสูดดมอากาศที่ไหลเวียนผ่านระบบแอร์รถยนต์อยู่ตลอดเวลาเมื่อเราอยู่ในรถยนต์ไม่มีใครรู้เลยว่า อาจจะเต็มไปด้วย เชื้อโรค ก็เป็นไปได้ วันนี้เราจึงขอนำเสนอการเปิดใช้แอร์รถยนต์ที่ถูกต้องให้ปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของแอร์รถยนต์ให้อยู่กับเราไปได้นานๆ ดังนี้ 1.ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ทุกครั้ง ควรปิดสวิตซ์แอร์(A/C) เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์เป็นตัวฉุดกำลังขณะสตาร์ท เมื่อสตาร์ทและเครื่องวอร์มสักพักแล้วค่อยเปิดสวิตซ์พัดลม โดยใช้ความเร็วพัดลมสูงก่อน เพื่อเป็นการไล่ความร้อนในระบบแอร์รถยนต์ แล้วค่อยเปิดสวิตซ์แอร์ (A/C) การปิดแอร์รถยนต์ที่ถูกต้อง ควรปิดสวิตซ์แอร์ (A/C)ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางก่อน ประมาณ 5-10 นาที เพื่อลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์และไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น ไม่ให้สะสมจนเกิดเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุของกลิ่นอับ จากนั้นจึงปิดพัดลมแล้วดับเครื่องยนต์ ควรตั้งอุณหภูมิของแอร์ให้เหมาะสมกับห้องโดยสาร และไม่ควรตั้งให้เย็นจนเกินไป เพื่อไม่ให้คอมเพรสเซอร์ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร แนะนำให้ตั้งอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 25 องศา เป็นค่ามาตรฐานจะดีที่สุด หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมรถยนต์ สเปรย์ปรับอากาศ เนื่องจากการจะส่งผลต่อระบบการทำงานของคอยล์เย็นโดยเราไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่มักจะมีสารระเหยที่ส่งผลกระทบต่อระบบแอร์ โดยไอระเหยของสารเคมีในสเปรย์ปรับอากาศจะทำปฏิกิริยา ทำให้เกิดฝุ่นไปจับตัวที่คอยล์เย็น จะส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น การถ่ายเทความร้อนก็จะลดลงทำให้ประสิทธิภาพในการทำความเย็นของระบบแอร์ก็จะลดลงไปด้วย ตรวจเช็คแผ่นกรองอากาศแอร์ให้สม่ำเสมอ สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้เอง และถ้าปล่อยให้แผ่นกรองอากาศสกปรกมาก จะทำให้ฝุ่นไปอุดตันได้ สาเหตุนี้ก็มีส่วนทำให้ระบบแอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้น ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน แนะนำให้ล้างตู้แอร์ ปีละ 2

หลักการทำงานของระบบแอร์รถยนต์

หลักการทำงานของระบบแอร์รถยนต์ ปัจจุบัน รถยนต์เข้ามามีบทบาทส่วนสำคัญในการดำรงชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ช่วยทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น เพราะด้วยอากาศของเมืองไทยบ้านเราเป็นเมืองร้อน แอร์รถยนต์ จึงเป็นส่วนสำคัญทำให้อากาศภายในรถยนต์เกิดความเย็นสบาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ เราผู้ใช้รถยนต์ ควรรู้หลักการทำงานของระบบแอร์รถยนต์บ้าง ว่าในระบบมีอะไรตัวไหน ทำหน้าที่อย่างไร เรามาทำความรู้จักดังนี้ หลักการทำงานของระบบแอร์รถยนต์  เป็นระบบทำความเย็นแบบอัดไอหรือก๊าซ โดยที่คอมเพรสเซอร์ (COMPRESSOR) จะทำหน้าที่ดูดสารทำความเย็นจากอีวาโปเรเตอร์ (EVAPORATOR) สารทำความเย็น ในขณะนั้นยังมีสถานะเป็นแก๊สและคอมเพรสเซอร์ ยังทำหน้าที่อัดสารทำความเย็นออกไปที่คอนเดนเซอร์ (CONDENSER) ทำให้สารทำความเย็นมีอุณหภูมิและความดันเพิ่มสูงขึ้น เมื่อสารทำความเย็นไหลผ่านคอนเดนเซอร์จะทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง จากนั้นสารทำความเย็นจะไหลต่อไปยัง รีซีฟเวอร์/ดรายเออร์ (RECEIVER/DRYER) เพื่อกรองสิ่งสกปรกและความชื้นที่ปนเปื้อนในสารทำความเย็นไหลไปที่ แอ็คเพนชั่นวาล์ว (EXPANSION VALVE) แล้วฉีดเป็นฝอยละอองเข้าไปใน อีวาโปเรเตอร์ ทำให้สารทำความเย็นมีความดันที่ต่ำและดูดความร้อนจากภายนอก เพื่อให้ได้สถานะที่กลายเป็นแก๊ส ทำให้อุณหภูมิภายนอกลดลง หลังจากนั้นสารทำความเย็นที่เป็นแก๊ส ก็จะถูกดูดเข้าไปในคอมเพรสเซอร์ เพื่อเริ่มต้นการทำงานใหม่ วนซ้ำไปเรื่อยๆ ส่วนประกอบของระบบแอร์รถยนต์ มีดังนี้ คอมเพรสเซอร์ (COMPRESSOR) ที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศติดรถยนต์ จะเป็นแบบเปิด และจะติดกับเครื่องยนต์ โดยใช้กำลังของเครื่องยนต์มาหมุนให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่สูบฉีดสารทำความเย็นให้ไหลวนในระบบแอร์รถยนต์ โดยดูดสารทำความเย็นสถานะไอความดันต่ำจากตู้แอร์ และเพิ่มความดันเพื่อเปลี่ยนสถานะสารทำความเย็นเป็นไอความดันสูง ก่อนที่จะส่งต่อไปที่คอนเดนเซอร์ ปัญหาที่พบส่วนใหญ่ คอมเพรสเซอร์มีเสียงดัง

ปัญหาของเครื่องปรับอากาศที่ทุกคนต้องเจอ

ปัญหาของเครื่องปรับอากาศที่ทุกคนต้องเจอ ในหน้าร้อน สภาพอากาศที่ร้อนมากในประเทศไทย และที่ขาดไม่ได้เลยคือ เครื่องปรับอากาศ ไม่ว่าจะในที่พักอาศัย และสถานที่ต่างๆ เชื่อว่าหลายๆที่ ต้องใช้เครื่องปรับอากาศอย่างหนัก ไม่ว่าจะในฤดูไหนก็ตาม ซึ่งปกติอายุของเครื่องปรับอากาศจะมีการใช้งานค่อนข้างนานพอสมควร แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษาอีกด้วย หากมีการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีก็จะสามารถช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานเพิ่มได้อีกด้วย ในส่วนนี้ เราอาจจะพบกับปัญหาของเครื่องปรับอากาศที่พบบ่อย สำหรับแอร์บ้านและทุกคนจะต้องเคยเจอกันบ้างแล้ว พร้อมกับวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่ทุกคนสามารถทำเองได้ ปัญาของเครื่องปรับอากาศที่ทุกคนต้องเจอ แอร์มีแต่ลมและไม่เย็น ปัญหาแบบนี้ที่ทุกคนเจอกันบ่อยและปัญหานี้ไม่ได้เกิดเฉพาะแอร์ที่เก่าอย่างเดียว แอร์ใหม่ก็เกิดปัญหาแบบนี้ได้เช่นกัน ซึ่งอาจจะเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ไม่ล้างแอร์ ทำให้มีฝุ่นเกาะหนาแน่น แน่นอนเลยว่านี่แหละที่เป็นสาเหตุหลักที่แอร์ไม่เย็น ในเบื้องต้นทุกคนสามารถเปิดหน้ากากแอร์และทำความสะอาดในเบื้องต้นได้เอง โดยการเอาฟิวเตอร์แอร์ออกมาล้างคราบฝุ่นที่เกาะอยู่ให้สะอาด แอร์ไม่ตัด ปัญหานี้จะเกิดจากที่คอมเพรสเซอร์ของแอร์ได้เกิดการทำงานที่ผิดปกติและมีปัจจัยหลักคือ ความเย็นของแอร์ไม่ถึงระดับ อันเนื่องมาจากการเลือกใช้ขนาดของแอร์ไม่เหมาะสมกับขนาดของห้อง หรือแอร์เกิดฝุ่นเกาะเป็นจำนวนมาก ก็ส่งผบให้ความเย็นของแอร์ไม่ถึงระดับเหมือนกัน หมั่นตรวจเช็คเซ็นเซอร์แอร์ แม็กเนติกคอนแทคเตอร์ เพื่อให้ใช้งานได้ปกติและไม่เกิดปัญหา ก็จะสามารถช่วยลดปัญหาเบื้องต้นในข้อนี้ได้เช่นกัน มีน้ำหยดที่แอร์ เป็นอีกหนึ่งปัญหายอดฮิตสำหรับเครื่องปรับอากาศ อันเกิดมาจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักๆคือ แอร์สกปรกมาก หรือท่อน้ำทิ้งแอร์ตันจนทำให้น้ำไมสามารถระบายออกได้ และส่งผลให้มีน้ำหยดลงมา วิธีการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นสำหรับน้ำแอร์ที่หยด ให้สังเกตดูว่ามีน้ำขังที่รางน้ำหรือไม่ โดยรางน้ำจะมีทั้งหมด 3 จุดด้วยกันคือ ใต้คอยล์เย็น ด้านหน้าคอยล์เย็น และด้านหลัง และนอกจากนั้นยังเกิดได้จาก การตั้งองศาของเครื่องปรับอากาศไม่เพียงพอ

แนวโน้มราคาของน้ำยาแอร์ ปี 2023

แนวโน้มราคาของน้ำยาแอร์ ปี 2023 สิ่งสำคัญในการเลือกซื้อน้ำยาแอร์ ก็จะมีหลายปัจจัยและราคาก็เป็นปัจจัยหนึ่ง  เมื่อเวลาตัดสินใจในการเลือกซื้อของ แน่นอนว่านอกจากปัจจัยอื่นๆ ปัจจัยด้านราคาก็เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจ ในวงการ น้ำยาแอร์ ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งในปัจุบันอากาศเมืองไทยค่อนข้างร้อน จึงทำให้มีการใช้น้ำยาแอร์กันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะในรถยนต์ ในบ้าน อาคารสำนักงาน ซุปเปอร์มาร์เก็ต และสถานที่ต่างๆ เป็นต้น สารทำความเย็นหรือ น้ำยาแอร์ เป็นสารเคมีที่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อมาใช้งานในระบบทำความเย็นต่าง ๆ และก็จะมีคำถามขึ้นมาว่า “ทำไม” ราคาน้ำยาแอร์บางครั้งมีราคาที่ไม่เท่ากัน ในที่นี้เราจะมาพูดถึงแนวโน้มราคาน้ำยาแอร์ในปี 2023 สาเหตุที่ทำให้ราคาของน้ำยาแอร์แปรผัน วัตถุดิบในการผลิต น้ำยาแอร์หรือที่เรียกกันว่าสารทำความเย็น ที่ปัจจุบันนี้ใช้กันอย่างแพร่หลาย จะเป็นสารจำพวก HCFC, HFC และ HFO ซึ่งสารเหล่านี้จะมีคุณสมบัติ ไม่มีพิษ ไม่มีกลิ่น และสารเหล่านี้จะมีจุดเดือดที่ต่ำกว่าสารทั่วไป วัตถุดิบที่นำมาใช้ผลิตน้ำยาแอร์จะมาจากแร่ธรรมชาติ ซึ่งจะมีความผันแปรของราคาวัตถุดิบตลอดเวลา ให้เปรียบเทียบเหมือนราคาน้ำมันดิบที่มีการขึ้นลงของราคาอยู่เสมอ จึงมีผลกระทบกับราคาของน้ำยาแอร์ ฤดูกาลของแต่ละช่วง ทั่วโลกนั้นมีความต้องการใช้น้ำยาแอร์ และอุณหภูมิของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันในแต่ละช่วง ทำให้บางช่วงมีความต้องการน้ำยาแอร์มากน้อยไม่เท่ากัน เมื่อความต้องการมากน้อยที่แตกต่างกันนั้น ก็จะเข้าระบบอุปสงค์และอุปทาน ทำให้ราคาน้ำยาแอร์ผกผันตามระบบเศรษฐศาสตร์ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการนำเข้าสินค้า

 วิธีแก้ไขเมื่อเครื่องทำความเย็นอุตสาหกรรมรั่ว

 วิธีแก้ไขเมื่อเครื่องทำความเย็นอุตสาหกรรมรั่ว ปัจจุบันระบบห้องเย็นในอุตสาหกรรมมีอยู่หลายรูปแบบหลายขนาดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสินค้า และพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าแต่ละชนิด  ซึ่งรวมถึงอุณหภูมิที่ต้องการจัดเก็บสินค้าเหล่านั้นด้วย ซึ่งจะไม่เท่ากันและแตกต่างกันออกไปตามการใช้งานตามสินค้าที่ต้องการจัดเก็บนั้นๆ  เพราะสินค้าแต่ละชนิดก็มีความต้องการอุณหภูมิความเย็นที่ไม่เหมือนกัน เช่น อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ต้องการอุณหภูมิที่ความเย็นจัด ส่วนพวกเครื่องดื่ม ผัก ผลไม้ ยาและเวชภัณฑ์ ต้องการอุณหภูมิที่ความเย็นไม่มาก เพราะถ้าหากเย็นเกินไป อาจทำให้คุณภาพลดลงและสินค้าเกิดความเสียหายได้ ซึ่งระบบเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่นั้นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องใช้คือน้ำยาแอร์ ที่นิยมใช้กันอยู่มีหลายชนิดขึ้นอยู่กับการใช้งาน  ที่ระบบห้องเย็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต้องเตรียมพร้อมและสำรองไว้  หากเกิดการรั่วจากระบบก็สามารถซ่อมแซมแก้ไขได้ทันที เพราะจะต้องเก็บสินค้าไว้ตลอดเวลา   เพื่อไม่ให้สินค้าเกิดความเสียหายได้ หากน้ำยาแอร์เกิดการรั่วจะไม่เกิดการระเบิด แต่สิ่งที่ต้องทำและรีบดำเนินการโดยเร่งด่วนนั้นก็คือ 1.เนื่องจากคุณสมบัติของน้ำยาแอร์ที่หนักกว่าอากาศ จะทำให้น้ำยาแอร์กระจายไปทั่ว จึงควรที่ต้องต้องรีบทำให้อากาศถ่ายเทโดยเร็ว เพื่อเพิ่มออกซิเจนในอากาศให้กลับสู่ปกติ ดังนั้นพื้นที่จัดเก็บหรือที่ปฏิบัติงานควรมีอากาศถ่ายเทอากาศได้ดี 2.การซ่อมบำรุงควรปล่อยน้ำยาแอร์ออกจากระบบให้หมดในการซ่อมแซมแล้วปล่อยไนโตรเจนไล่ภายในระบบก่อนใช้แก๊สเชื่อมหรือตัดอุปกรณ์ในระบบ ห้ามเชื่อมหรืออุดรอยรั่วในขณะที่ระบบยังมีน้ำยาแอร์อยู่ เพราะเมื่อความร้อนสัมผัสน้ำยาแอร์จะเกิดการขยายตัวสูงอาจทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ 3.ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันเมื่อปฏิบัติงานเพราะน้ำยาแอร์ถ้าสัมผัสถูกผิวหนังหรือร่างกายโดยตรงจะเกิดอันตรายคล้ายถูกไอน้ำหรือน้ำร้อนลวก เป็นรอยไหม้ ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์ขึ้นควรรีบล้างน้ำสะอาดโดยทันที หากอาการหนักก็ควรรีบไปพบแพทย์ 4.การจัดเก็บน้ำยาแอร์ไม่ควรตากแดดร้อนจัดเป็นเวลานานๆควรจัดเก็บให้อยู่ในที่ร่มและที่ระบายอากาศได้ดี เพราะไม่ให้น้ำยาแอร์เกิดการรั่วและอาจระเบิดขึ้นได้ สำหรับธุรกิจระบบห้องเย็นอุตสาหกรรมนั้นต้องหมั่นตรวจสอบอุณหภูมิของห้องและอุปกรณ์ต่างๆให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลาและไม่ควรเกิดการรั่วซึม เพื่อป้องกันที่จะไม่เกิดความเสียหายกับสินค้าที่จัดเก็บ ซึ่งสินค้าบางอย่างมีมูลค่าที่สูงมาก และต้องจัดเก็บไว้ตลอด 24 ชม.เพื่อคงคุณภาพของสินค้านั้นๆไว้  ดังนั้นควรที่จะตรวจเช็คระบบให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ   หากต้องการได้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบห้องเย็น สามารถโทรติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ น้ำยาแอร์ดอทคอม ศูนย์รวมน้ำยาตู้เย็น ตู้แช่ทุกชนิดที่Line : @namyaair  หรือ

สารทำความเย็นของตู้แช่และห้องเย็น

สารทำความเย็นของตู้แช่และห้องเย็น ในประเทศไทยสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ที่นิยมใช้กัน  เป็นสารเคมีที่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ เพราะประเทศไทยยังไม่สามารถที่จะผลิตสารทำความเย็นขึ้นเองได้  ถูกนำเข้ามาเพื่อใช้งานในระบบทำความเย็นต่างๆ  ทั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้านเรือน อาคาร รถยนต์  ห้างสรรพสินค้า  ตู้แช่และห้องเย็น   รวมทั้งอุตสาหกรรมทั่วไปด้วยที่ต้องใช้อุณภูมิความเย็นในการจัดเก็บสินค้าต่างๆ โดยในที่นี้จะแยกในส่วนของน้ำยาที่ใช้สำหรับตู้แช่และห้องเย็น  ส่วนใหญ่ในประเทศของเรานั้นปัจจุบันนิยมและใช้น้ำยาแอร์ชนิดไหนกันบ้าง   แต่ละชนิดมีส่วนประกอบและคุณสมบัติอย่างไร ในระบบตู้แช่และห้องเย็น  น้ำยาแอร์หลักๆที่ใช้กันแบ่งตามรายละเอียดต่างๆได้ดังนี้ R404A เป็นสารทำความเย็นที่มีส่วนผสมของน้ำยา 3 ชนิดรวมกัน (R125+R143+R134a) คุณสมบัติไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ติดไฟ ประหยัดพลังงาน มีค่าแรงดันที่อุณหภูมิ 30C◦ อยู่ที่ 170-180 Psi   จุดเดือดอยู่ที่   -46.6 C◦ ใช้ในอุณหภูมิติดลบ ใช้ในสินค้าพวกตู้แช่ห้องเย็นและอุตสาหกรรมทำความเย็น ถ้าน้ำยาแอร์ในระบบขาดต้องปล่อยทิ้งแล้วเติมใหม่ทั้งหมด โดยสามารถใช้เกจ์วัดแรงดันในการเช็คระบบให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม R507 เป็นสารทำความเย็นที่มีส่วนผสมของน้ำยา 2 ชนิด (R125+R143) มีค่าแรงดัน ที่อุณหภูมิ 30C◦ อยู่ที่ 180-190 Psi   จุดเดือดอยู่ที่   -47.1 C◦   มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นสูง ใช้ในสินค้าตู้แช่ห้องเย็นและอุตสาหกรรมทำความเย็น จะเห็นว่าไม่มี R134a