เมื่อพูดถึงการทำงานของระบบแอร์รถยนต์ จะเป็นระบบแบบปิด หมายความว่า น้ำยาแอร์จะไหลวนอยู่ในระบบ ไม่สามารถระเหยออกได้ นอกจากระบบแอร์นั้นเกิดการรั่วไหลหรืออุปกรณ์เสื่อมสภาพ เมื่อเกิดการพร่องของน้ำยาแอร์ในระบบ สามารถที่จะเติมน้ำยาแอร์ได้เลยโดยไม่ต้องล้างระบบทั้งหมด ระบบแอร์รถยนต์จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์มากมายหลายอย่าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดความเย็นนั้นคือน้ำยาแอร์ ส่วนน้ำยาแอร์ที่ใช้ในระบบแอร์รถยนต์ จะมีชื่อเรียกว่า R134a คุณสมบัติอย่างหนึ่งของน้ำยาแอร์ซึ่งส่งผลต่อระบบทำความเย็น คือแรงดัน แรงดันของตัวน้ำยาแอร์จะมีผลต่อระบบแอร์รถยนต์ ส่วนการวัดค่าแรงดันน้ำยาแอร์จะใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า “เกจ์วัดน้ำยา” อุปกรณ์นี้จะต้องมีคุณภาพด้วยเช่นกันเพื่อที่การอ่านค่าแรงดันในระบบแอร์ว่ามีแรงดันมากหรือน้อยไปเพื่อไม่ให้เกิดการเสียหายต่อระบบแอร์และอุปกรณ์ต่างๆภายในรถยนต์ R134a นี้เป็นสารทำความเย็นชนิดเดี่ยว จะมีแรงดัน ณ อุณหภูมิ 30 องศา จะเท่ากับ 100-110 Psi จุดเดือด -26 องศาส่วนแรงดันน้ำยาแอร์รถยนต์ปกติด้าน Low นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30-35 Psi ส่วนแรงดันทางด้าน High ที่ออกจากคอมเพรชเซอร์ควรจะอยู่ที่ประมาณ 150-175Psi ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อระบบแอร์และอุปกรณ์ของรถยนต์ได้ ถ้าแรงดันที่น้อยเกินไป จะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพในการทำความเย็นลดลง หรือทำให้ไม่เกิดความเย็นได้เลย ถ้าแรงดันที่สูงเกินไป จะทำให้การทำความเย็นลดลงได้เช่นเดียวกันและทำให้ด้าน High สูงขึ้นจะเกิดผลเสียต่ออุปกรณ์ต่างๆและระบบแอร์ได้ ทำให้อุปกรณ์ทำงานหนักกว่าปกติจนเกิดการเสียหายได้ แรงดันน้ำยาแอร์มีผลต่อระบบแอร์เป็นอย่างมาก ส่วนแรงดันน้ำยาแอร์จะมีการคำนวณมาแล้วในรถยนต์แต่ละรุ่นว่าสเปกคอมแอร์ควรเติมเท่าไร จะทำแรงดันนั้นพอดีและจะทำให้เกิดความเย็นสูงสุด การเลือกใช้น้ำยาแอร์ที่มีคุณภาพก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้แรงดันนั้นปกติและใช้น้ำยาแอร์ได้ในปริมาณที่น้อยลง ถ้าน้ำยาแอร์ที่ไม่มีคุณภาพช่วงเวลาที่เติมนั้นมีสภาพอากาศที่ร้อนมากทำให้การใช้น้ำยาแอร์เพิ่มขึ้น
Author Archives: nobel23
เครื่องปรับอากาศรถยนต์เป็นอีกสิ่งที่สำคัญในองค์ประกอบของการทำความเย็นในรถยนต์โดยมากผู้ใช้รถยนต์จะดูแลรถในส่วนภายนอก และในห้องผู้โดยสาร แต่การจะดูแลระบบเครื่องปรับอากาศรถยนต์เพื่อแอร์รถยนต์ที่มีประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานนั้น ควรจะเป็นช่างผู้ชำนาญการในการตรวจเช็คในรายละเอียด เพราะระบบปรับอากาศในรถยนต์นั้นมีความซับซ้อนในส่วนประกอบหลายอย่าง และถ้าไม่ใช้ช่างผู้ชำนาญการ อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ หลายคนอาจเข้าใจว่าการเติมน้ำยาแอร์จะสามารถทำได้เองเหมือนการเติมน้ำกลั่นหรือเปล่า แต่ทว่าการเติมน้ำยาแอร์เข้าระบบนั้นมีความยุ่งยาก และใช้ทักษะเฉพาะอยู่เหมือนกัน 3 เหตุผลหลักๆทำไมถึงไม่ควรเติมน้ำยาแอร์รถยนต์ด้วยตัวเอง? 1.ความรู้ความชำนาญ ในการซ่อมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ ระบบแอร์รถยนต์นั้นมีหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อต่างๆ หัววาล์ว คอมเพรชเซอร์แอร์ อุปกรณ์เหล่านี้มีความสำคัญมากต่อระบบทำความเย็นของรถยนต์ ไม่ใช่ว่าเฉพาะน้ำยาแอร์อย่างเดียวที่ทำให้เกิดความเย็น การตรวจเช็คอุปกรณ์ต่างๆมีความสำคัญมาก จะต้องมีความรู้ความชำนาญในการตรวจเช็คเพื่อให้ตรงจุดในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น 2.เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการซื้ออุปกรณ์ การเติมน้ำยาแอร์รถยนต์นั้นต้องใช้อุปกรณ์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเกจ์วัดน้ำยาแอร์ และน้ำยาแอร์ที่ใช้เติม อุปกรณ์แต่ละอย่างนั้นมีราคาที่สูงมาก เมื่อสั่งซื้ออุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้มาใช้งานแล้วแต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สุดท้ายก็ต้องนำรถยนต์เข้าไปศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็ค หรือ ซ่อมแซมเพื่อให้เกิดการใช้งานได้ปกติ แล้วอุปกรณ์ที่ซื้อมาจะได้ใช้งานอีกครั้งเมื่อไร ดังนั้นเท่ากับว่าคุณจะต้องเสียค่าใช้จ่าย 2 เท่าโดยไม่จำเป็น 3.ศูนย์หรืออู่รถที่มีมาตรฐาน ในปัจจุบันมีศูนย์บริการที่เปิดเพื่อซ่อมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ระบบแอร์รถยนต์มากมาย แต่ละที่มีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น เรื่องของการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาแทนเกจ์วัดน้ำยาแอร์ ในการอ่านค่าต่างๆของน้ำยาแอร์เพื่อให้เกิดความเย็น เครื่องดูดน้ำยาแอร์ที่สามารถนำน้ำยาแอร์กลับมาใช้ใหม่ได้หลังจากการเช็คของการเช็ครั่วของระบบแอร์แล้ว ในการซ่อมหรือเติมน้ำยาแอร์ด้วยตัวเองนั้นมีความยุ่งยากมากเกินไป เรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆ เรื่องของปัญหาที่แก้ไขไม่จบ เรื่องของการเสียเวลา และเรื่องของความปลอดภัย เมื่อเปรียบเทียบกับการนำรถยนต์ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญแก้ปัญหาให้ แต่ถ้าคุณมีทักษะช่างมากพอ และมีความรู้ในเรื่องระบบปรับอากาศรถยนต์ เมื่อน้ำยาแอร์รถขาด ก็สามารถจะเติมน้ำยาแอร์ได้ด้วยตนเองได้ ถ้ากำลังมองหาซื้อน้ำยาแอร์รถยนต์ สามารถติดต่อ
เช็คก่อนเดินทางไกล น้ำยาแอร์รถของเราขาดไปหรือเปล่า ในช่วงวันหยุดยาวหรือช่วงเทศกาลการท่องเที่ยว หลายคนเดินทางเพื่อไปพักผ่อน หรือกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัดส่วนมากจะใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเพื่อความสะดวกสบาย การเช็คสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทางจึงมีความสำคัญเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ ในการเช็คสภาพรถยนต์เบื้องต้นนั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ เช่น การเช็คภายนอกรถยนต์ เช่นล้อและลมยางรถยนต์,การเช็คน้ำมันเครื่อง,เช็คแบตเตอร์รี่ ฯ ส่วนการเช็คสภาพภายในรถยนต์ ก็มีตั้งแต่ ชุดเครื่องมือประจำรถ ระบบสัญญาณไฟ ล้ออะไหล่รถยนต์ แต่มีอีกจุดสำคัญที่หลายคนมองข้ามในการตรวจเช็คนั้นคือ ระดับน้ำยาแอร์ซึ่งสามารถที่จะทำได้ด้วยตนเองเช่นเดียวกัน ระบบของแอร์รถยนต์จะประกอบด้วยอุปกรณ์หลายอย่าง เช่น ท่อแอร์ หัววาล์ว ข้อต่อต่างๆ คอมเพรสเซอร์แอร์ อุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้จะสามารถสังเกตุเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าถ้ามีคราบน้ำยาแอร์ หรือ คราบน้ำมันต่างๆ ขึ้นอยู่ตามข้อต่อหรือตามจุดต่างๆแสดงว่าอุปกรณ์นั้นเกิดการรั่วซึมหรือเสื่อมสภาพการใช้งาน ควรนำรถยนต์ไปให้ทางร้านที่ชำนาญตรวจเช็คเปลี่ยนให้ ส่วนการตรวจเช็คระดับน้ำยาแอร์ว่าขาดหรือไปหรือเปล่าด้วยตัวเองให้คุณมองที่‘’ตาแมว’’ ตาแมว จะมีลักษณะเป็นวงกลมกระจกใสอยู่ด้านบนของท่อแอร์ ให้ดูการไหลของน้ำยาแอร์ตรงตาแมวนั้น เมื่อสตาร์ทรถยนต์และเปิดแอร์ให้ทำงานปกติให้ดูที่การไหลตรงตาแมว ถ้ามีฟองสีขาวๆแล้วก็ขุ่นแสดงว่าน้ำยาแอร์ของคุณนั้นเหลือน้อยหรือใกล้จะหมด คุณควรนำรถยนต์เข้าเพื่อให้ช่างตรวจเช็คระบบแอร์อย่างละเอียดก่อนออกเดินทางไกลอแต่ถ้าน้ำยาแอร์ไหลโดยไม่มีฟองแสดงว่าน้ำยาแอร์ของคุณยังมีอยู่ปกติสามารถใช้งานได้ ส่วนอีกวิธีหนึ่ง ให้ตรวจตรงหัววาล์วเติมน้ำยาแอร์ด้าน LOW จะมีเหมือนไส้ศรสามารถเอาไขควงจิ้มลงไปจะเห็นได้ว่ามีน้ำยาแอร์ออกมาแสดงว่าปกติ หรือถ้าไม่มีน้ำยาแอร์ออกมาเลยแสดงว่าระบบแอร์น่าจะเกิดปัญหาการั่วของอุปกรณ์ส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่วิธีนี้ไม่นิยมตรวจเช็คเนื่องจากมีอันตรายจากน้ำยาแอร์พุ่งออกมาโดนมือได้ การตรวจเช็คเบื้องต้นว่าระบบแอร์รถยนต์เป็นอย่างไรก่อนออกเดินทางไกลเป็นสิ่งสำคัญ เพราะระบบแอร์รถยนต์เป็นส่วนที่จะทำให้การเดินทางนั้นราบรื่น เย็นสบาย ไม่หัวเสียเพราะอากาศที่ร้อน หรือหงุดหงิดจากการที่ต้องขับรถทั้งอบอ้าวและเป็นระยะทางไกล ถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับน้ำยาแอร์รถยนต์ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ “น้ำยาแอร์ดอทคอม” จำหน่ายน้ำยาแอร์รถยนต์ทุกยี่ห้อ และอุปกรณ์ต่างๆเกี่ยวกับระบบแอร์รถยนต์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน และมีพนักงานบริการตอบคำถามให้คำแนะนำจากประสบการณ์ด้านการจำหน่ายน้ำยาแอร์มากว่า20ปี ติดต่อ โทร…….หรือ
Freeze burn คืออะไร ความเสียหายจากตู้แช่แข็ง ในภาวะการจับจ่ายซื้ออาหารและสินค้าในปัจจุบัน ถ้าซื้อในปริมาณที่มาก จะทำให้ได้ราคาสินค้าที่ถูกลง และไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อซ้ำบ่อยๆ ซึ่งหลายท่านเลือกที่จะซื้อสินค้าและอาหารมาจัดเก็บไว้เป็นเวลานานในช่องแช่แข็งซึ่งอาจทำให้เกิดการที่สินค้าหรืออาหารมีความเสียหายในการแช่แข็งได้อาจทำให้คุณภาพเปลี่ยนไปรสชาติไม่เหมือนเดิม เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Freeze burn โดยหลายๆท่านอาจเกิดความสงสัยว่าทำไมสินค้าและอาหารถึงเก็บไว้ได้ไม่นานทั้งๆที่ควรจะเก็บได้ ทั้งนี้การจัดเก็บสินค้าและอาหารในช่องแช่แข็งนั้น นับว่าเป็นการสกัดกั้นการเติบโตของพวกจุลินทรีย์และแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี รวมถึงสารเคมีในสินค้าและอาหารเหล่านั้นไม่ให้เกิดขึ้นกับอาหารและตัวสินค้าเร็วขึ้นด้วย ซึ่งการจัดเก็บเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดFreeze burnหรือที่เรียกอีกอย่างว่า ความเสียหายจากการแช่แข็ง ส่วนสาเหตุนั้นอาจเกิดขึ้นได้จากสิ่งต่างๆเหล่านี้ การสูญเสียความชื้นอาจเกิดได้จากอาหารทุกชนิดโดยเฉพาะเนื้อสัตว์ต่างๆทำให้สินค้าและอาหารเกิดรอยสีขาวและสีเหลืองที่สังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะถูกการเผาไหม้จากการแช่แข็งเป็นเวลานาน ออกซิเจนเข้ามาแทนที่ความชื้นในอาหาร และทำให้สินค้าและอาหารเหล่านั้นสูญเสียคุณภาพได้ การสัมผัสอากาศของสินค้าและอาหารก่อนการจัดเก็บควรห่อหรือใส่ถุงพลาสติกแล้วไล่อากาศออกให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงให้สินค้าและอาหารสัมผัสกับความเย็นโดยตรง และไม่ควรเก็บไว้นานจนเกินไป เปิด-ปิดช่องแช่แข็งบ่อยจะทำให้อากาศเข้าไป ซึ่งจะทำให้อุณภูมิในช่องแช่แข็งไม่คงที่ มีความเปลี่ยนแปลงความเย็น ทำให้ระบบต้องปรับสภาพอุณหภูมิใหม่ จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งทำให้สินค้าและอาหารมีคุณภาพลดลงได้ และอาจจะควรทำรหัส หรือทำเครื่องหมายไว้ที่สินค้าที่แช่ไว้เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรใช้อันไหนก่อน ควรใช้อันไหนหลัง เพื่อที่จะได้ใช้ของที่เก็บมานานก่อน เช็คอุณภูมิที่ใช้ให้เหมาะสม ตรวจสอบความเย็นอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้อุณหภูมิคงที่มากที่สุด เพื่อที่จะได้จัดเก็บสินค้าได้อย่างมีคุณภาพและคุณค่าในสารอาหารจะไม่เสียไปเมื่อถึงเวลาที่เราจะนำมาใช้ในครั้งต่อๆไป เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายของสินค้า อาหาร และวัถุดิบในช่องแช่แข็ง ควรหมั่นตรวจเช็คตู้แช่อย่างสม่ำเสมอ,ไม่เปิดปิดบ่อยๆ และไม่แช่สินค้าที่เยอะจนเกินไปเป็นเวลานานๆ, แพ็คของที่ต้องการแช่ให้ดีและถ้าหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำยาแอร์ของตู้เย็นและตู้แช่ สามารถโทรสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ น้ำยาแอร์ดอทคอม ศูนย์รวมน้ำยาตู้แช่ทุกชนิด ที่ Line@ หรือ โทร xx-xxx-xxxx
อะไรคือแรงดันน้ำยาแอร์ มีความสำคัญอย่างไรกับตู้เย็นตู้แช่ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกี่ยวกับระบบทำความเย็นเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตประจำวันของมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศไทยที่อยู่ในเขตศูนย์สูตร อากาศจึงร้อนตลอดทั้งปี หนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าเกี่ยวกับระบบทำความเย็นที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป คือตู้เย็นและตู้แช่ซึ่งมีอยู่หลายประเภทขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน เพื่อที่จะรักษาอุณหภูมิความเย็นให้คงที่ ให้เหมาะสมกับสินค้าที่จัดเก็บนั้นๆด้วย ส่วนประกอบหลักที่สำคัญก็คือ น้ำยาแอร์ ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วยให้ระบบต่างๆทำความเย็นได้ ข้อสำคัญข้อหนึ่งของตัวน้ำยาแอร์ที่ควรรู้ คือ แรงดันน้ำยาแอร์ เพราะเป็นส่วนสำคัญเมื่อมีการติดตั้ง การใช้งาน และการดูแลรักษาตู้เย็นตู้แช่น้ำยาแอร์สำหรับตู้เย็นและตู้แช่ หลักๆจะมีน้ำยาแอร์ R404a , R507 , R134a , R600 ซึ่งแต่ละชนิดก็มีค่าแรงดันที่แตกต่างกันไปโดยหลักการใช้งานก็จะขึ้นอยู่กับคอมเพรสเซอร์ ว่าใช้กับน้ำยาแอร์ชนิดไหน วัดจากค่าแรงดันและปริมาณการใช้ พื้นที่จัดเก็บ รวมถึงอุณหภูมิที่ต้องการใช้อีกด้วยเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน ซึ่งน้ำยาแอร์แต่ละชนิดสามารถแยกคุณสมบัติแรงดันได้ดังนี้ R404A เป็นสารผสม (R125+R143a+R134a) มีค่าแรงดัน ที่อุณหภูมิ 30C◦ อยู่ที่ 170-180 Psi จุดเดือดอยู่ที่-46.6 C◦ใช้ในอุณหภูมิติดลบ ถ้าน้ำยาแอร์ในระบบขาดหรือคอมเพรสเซอร์รั่วจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ระบบอาจจะตัดหรือไม่ทำงาน ควรทำสูญญากาศในระบบแล้วเติมเข้าไปใหม่ทั้งหมดสามารถใช้เกจ์วัดแรงดันในการเช็คระบบเพื่อเติมให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม R507 เป็นสารผสม (R125+R143) มีค่าแรงดัน ที่อุณหภูมิ 30C◦ อยู่ที่ 180-190Psiจุดเดือดอยู่ที่ -47.1C◦มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นสูง
สาเหตุอะไร ที่ทำให้ตู้เย็น ไม่เย็น ปัจจุบันเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกครัวเรือน และตามสำนักงานจะต้องมีคือ ตู้เย็น เพื่ออำนวยความสะดวกในการเก็บรักษาของบริโภคและทำให้ของบริโภคมีความเย็นเมื่อรับประทานเพื่อความสดชื่นเนื่องด้วยประเทศไทยเป็นเมืองร้อน การได้ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆก็ทำให้สดชื่นใจและคลายร้อนได้ดี โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนตู้เย็นจะถูกใช้งานมาก อาจมีการเปิดปิดบ่อยครั้ง ทำให้ตู้เย็นทำงานหนักและยังอาจทำให้พบเจอปัญหาต่างๆหรือความผิดปกติได้ ซึ่งบางทีสาเหตุของการทำงานผิดปกติของตู้เย็น อาจเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ตู้เย็นของเราเอง โดยที่เราเองคาดไม่ถึงว่าจะทำให้ตู้เย็นไม่เย็นได้วันนี้จะพามาดูสาเหตุใดบ้างที่ทำให้ตู้เย็นไม่เย็น รวมทั้งวิธีการแก้ไขเบื้องต้น ที่จะทำให้ตู้เย็นกลับมาเย็นได้เป็นปกติ ทั้งนี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้โดยปฏิบัติดังนี้ -อย่าแช่ของเยอะเกินไป ทั้งของแห้ง ของสด ขนมรวมทั้งอาหารต่างๆ ที่ทานไม่หมดถูกนำเข้าไปในตู้โดยไม่มีการจัดระเบียบที่ดี ทำให้ไม่มีพื้นที่ว่าง ทำให้ตู้เย็นทำงานได้ไม่เต็มที่ และความเย็นไปได้ไม่ทั่วถึง ดังนั้นควรต้องจัดเก็บให้เป็นระเบียบ และจัดเก็บของที่จำเป็นโดยการทิ้งของที่ไม่จำเป็นหรือเน่าเสียไปแล้ว แนะนำให้หมั่นเคลียร์พื้นที่ในตู้เย็นบ่อยๆเพื่อให้มีพื้นที่ว่างระบบความเย็นจะได้ทำงานได้อย่างทั่วถึง –ไม่เปิด-ปิดตู้เย็นบ่อยหรือเปิดค้างไว้นาน ก่อนที่จะเปิดตู้เย็นควรที่จะวางแผนก่อนว่าจะหยิบจะใช้อะไรบ้าง แล้วสิ่งที่ใช้อยู่ตำแหน่งไหนในตู้เพื่อที่จะหยิบได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องเปิดตู้เย็นค้างไว้นานหรือมีการเปิดปิดบ่อยๆ ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิความเย็นในตู้ลดลงได้ เพราะความเย็นจะระบายออกมาเวลาเปิดใช้งานและควรปิดให้สนิททุกครั้ง –ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ในตู้เย็นจะมีปุ่มปรับระดับความเย็นทั้งในแบบดิจิตอลและปุ่มกด ซึ่งควรปรับให้เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ควรตั้งค่าต่ำเกินไปอาจจะทำให้ตู้เย็นไม่เย็น –ยางขอบตู้เย็นเสื่อมสภาพ หากตู้เย็นมีการใช้งานมานาน ควรจะสังเกตุดูว่าเวลาปิดตู้เย็นแล้วสนิทหรือไม่ เพราะถ้าไม่สนิทหรือยางขอบตู้เย็นเสื่อมสภาพแล้ว ให้ควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะอาจทำให้ความเย็นรั่วไหลออกไปได้ –ไม่ใส่ของที่ยังร้อนอยู่เข้าไปแช่ในตู้เย็น ไม่ควรนำของที่ยังร้อนอยู่เข้าแช่ในตู้เย็น เพราะความร้อนที่เข้าไปจะยิ่งทำให้ตู้เย็นทำงานหนักและส่งผลต่ออุณหภูมิภายในตู้เย็นควรรอให้ของที่จะแช่หายร้อนก่อนจึงค่อยนำเข้าไปแช่จะดีกว่า –วางตู้เย็นผิดตำแหน่ง ไม่ควรวางติดกับผนังจนเกินไป เพราะตู้เย็นจะมีพัดลมเพื่อระบายความร้อนในการทำงาน ดังนั้นควรจัดวางให้ห่างจากผนังเล็กน้อย เพื่อให้พัดลมระบายอากาศได้ดี. ดังนั้นควรตรวจสอบและหมั่นสังเกตุตู้เย็น และพฤติกรรมการใช้ของเราเองด้วยเพื่อให้ตู้เย็นของเราทำความเย็นได้ดี และรักษาอายุการใช้งานของตู้เย็นให้ใช้ได้นาน แต่ถ้าตู้เย็นมีการทำงานผิดปกติ
ซื้อน้ำยาแอร์รถยนต์ กับน้ำยาแอร์.com ที่เดียวจบ ครบทุกเรื่องน้ำยาแอร์รถยนต์ มีทุกยี่ห้อ ทุกราคาในประเทศไทย R134a – R1234yf น้ำยาแอร์รถยนต์ที่ช่างแอร์รถยนต์เชื่อถือ ซ่อมแอร์รถยนต์ ก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว ยังต้องมาเจอกับ √ เติมน้ำยาแอร์แล้วแอร์ไม่เย็น √ หมดเวลาไปกับการเทียบราคาจากหลายเจ้า √ กังลวว่าน้ำยาแอร์ไม่บริสุทธิ์ เติมไปทำให้แอร์รถพัง √ ไม่มีขนาดบรรจุ อย่างที่ต้องการทำให้ไม่สะดวกในการใช้งานจริง √ เจอถังน้ำยาบุบ หรือ หัววาวล์รั่วซึม เคลมไม่ได้ √ ได้ของช้า ทำให้งานช้า ลูกค้ารอคิวยาว √ ซื้อสินค้าแล้วมีปัญหา ผู้ขายไม่รับผิดชอบ ถ้าคุณเคยเจอกับสถานการณ์เหล่านี้ ทำให้คุณหงุดหงิดใจ น้ำยาแอร์ดอทคอม ช่วยคุณได้ ช่วยอะไร? √ ได้น้ำยาแอร์รถยนต์แท้ 100% เติมแล้วเย็นฉ่ำ √ ประหยัดเวลาไปได้เยอะ เพราะเราเทียบราคามาให้แล้ว √ ไม่มีสารปนเปื้อนในน้ำยา จึงไม่กัดกร่อนชิ้นส่วนอื่น √ มีขนาดบรรจุทุกแบบที่ลูกค้าต้องการ 3กก.,13.6กก.
ตู้เย็นบ้านเรา ใช้น้ำยาแอร์ตัวไหน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกๆครัวเรือนต้องมี ที่เราใช้กันอย่างคุ้นเคย นั่นก็คือ ตู้เย็น ซึ่งใช้ในการเก็บรักษาอาหารรวมทั้งแช่น้ำดื่ม และสิ่งของต่างๆที่จำเป็น ยิ่งประเทศไทยเป็นเมืองร้อน การได้ดื่มน้ำเย็นๆก็ทำให้ผ่อนคลายและชื่นใจ ตู้เย็นแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อมีการผลิตและใช้วัสดุอุปกรณ์ที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหลักๆที่สำคัญในการทำความเย็นในตู้เย็น คือ น้ำยาแอร์ น้ำยาแอร์ในตู้เย็นบางชนิดก็ถูกยกเลิกการผลิตและไม่ได้ใช้งานแล้ว และถูกทดแทนด้วยน้ำยาแอร์ตัวใหม่เพื่อช่วยลดสภาวะโลกร้อน น้ำยาแอร์สำหรับตู้เย็นตัวไหนที่เคยใช้ในอดีต และน้ำยาแอร์ตัวไหนที่ใช้แล้วในปัจจุบัน R12 น้ำยาแอร์รุ่นเก่าซึ่งในปัจจุบันพบเจอน้อย เลิกผลิตและไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทยแล้ว เป็นสารที่มีแรงดันต่ำ ใช้ได้ดีกับน้ำมันหล่อลื่นทุกสภาวะ ถ่ายเทความร้อนได้ดี ในอดีตเป็นที่นิยมใช้กันมาก มีความปลอดภัยไม่มีสีไม่ติดไฟ แต่สารชนิดนี้มีค่าที่ทำให้เกิดการทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนที่สูง R134a น้ำยาแอร์ตู้เย็นที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เป็นสารที่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนน้ำยาแอร์ R12 สามารถดูดความชื้นได้ดี ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นและไม่ติดไฟ อีกทั้งยังไม่ทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนอีกด้วย สามารถหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่สูงมาก การใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพราะเป็นสารประกอบเดี่ยวที่สามารถเติมได้เลยหากน้ำยาแอร์ในระบบขาด แต่น้ำยาแอร์ตัวนี้ถือว่ายังมีค่าทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจกที่สูงอยู่ R600 น้ำยาแอร์รุ่นใหม่ ในตู้เย็นบางยี่ห้อหันมาใช้กันมาก เป็นสารที่มาทดแทนน้ำยาแอร์ R134a ซึ่ง R600ไม่ทำลายชั้นบรรยากาศและลดสภาวะเรือนกระจกได้ดีกว่า อีกทั้งปริมาณการใช้หากเทียบกับ R134a แล้ว จะใช้น้อยกว่ามาก แต่ในสิ่งที่สำคัญของสารชนิดนี้คือ เป็นสารที่มีแรงดันสูง ติดไฟได้ง่าย ดังนั้นเมื่อมีการซ่อมหรืองานระบบของตู้เย็นที่ใช้น้ำยาแอร์ตัวนี้
ทำความรู้จักกับน้ำยาแอร์ R1234yf น้ำยาแอร์รถยนต์รักษ์โลกในอนาคต ในปัจจุบันโลกของเราประสบปัญหาสภาวะเรือนกระจก ทำให้โลกมีอุณภูมิอากาศที่ร้อนสูงขึ้น เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง รถยนต์เองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนได้ และน้ำยาแอร์ที่ใช้กับรถยนต์อย่างแพร่หลายในปัจจุบันคือ R134a ซึ่งน้ำยาแอร์ชนิดนี้มีผลในระยะยาวทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน ดังนั้นจึงมีการพัฒนาน้ำยาแอร์รถยนต์ มีชื่อเรียกว่า R1234yf เพื่อช่วยลดมลภาวะโลกร้อน เป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมรักษ์โลกได้อีกทางด้วย น้ำยาแอร์รถยนต์ R1234yf ปัจจุบันได้เริ่มใช้งานในรถยนต์ที่ผลิตในประเทศแถบยุโรป ในบางยี่ห้อ เช่น ฟอร์ดมัสแตง แอสตั้นมาร์ติน เป็นต้น ปัจจุบันในประเทศไทย น้ำยาตัวนี้ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายเนื่องจากปริมาณการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำยาตัวนี้ยังไม่มากนัก ประกอบกับตัวน้ำยายังมีราคาสูง ในประเทศไทยได้เริ่มมีการนำเข้ามาจำหน่าย และการใช้งานน้ำยาแอร์ชนิดนี้อยู่บ้างแล้ว สารชนิดนี้เป็นสารประเภท HFOs (Hydrofluoroolefin) สามารถใช้ทดแทน R134a ได้แบบทันที ค่าชี้วัดเรื่องสภาวะที่ส่งผลกับระบบมลภาวะ ได้มีการกำหนดไว้ 2 ตัวชี้วัดดังนี้ – ODP (Ozone Depletion Potential) จะเทียบกับสารทำความเย็น CFC หรือสาร ODS ชนิดแรกของโลกว่าด้วยเรื่องของการทำลายชั้นบรรยากาศโลกหรือชั้นโอโซน – GWP (Global Warming Potential) จะเทียบกับคาร์บอนไดออกไซด์หรือ CO2
ข้อควรรู้ในการเลือกซื้อน้ำยาแอร์ทั่วไป ด้วยสภาวะอากาศของประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนทำให้แทบจะทุกบ้านมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน นอกจากการปรับอากาศภายในบ้าน ระบบปรับอากาศในรถยนต์ก็จำเป็นเช่นเดียวกัน ด้วยสภาวะอากาศที่ร้อนทำให้เครื่องปรับอากาศทุกชนิดต้องทำงานหนัก น้ำยาแอร์ถือเป็นตัวแปรหลักในการทำให้เกิดอุณหภูมิที่เย็นขึ้น น้ำยาแอร์ทำความเย็นที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมีมากมายหลายชนิด ในแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการใช้งานแตกต่างกันไป ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับวัตถุประสงค์และประเภทของการใช้งานเพื่อให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าอย่างสูงสุด น้ำยาแอร์ที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งแยกประเภทหลักๆได้ 3 ประเภท ได้แก่ น้ำยาแอร์สำหรับเครื่องปรับอากาศภายในอาคารและบ้านเรือน น้ำยาแอร์บ้านรุ่นแรกที่นิยมใช้กันคือ น้ำยาแอร์ R22 เป็นน้ำยาแอร์สารประกอบเดียว เป็นน้ำยาแอร์ที่นิยมใช้กันในเครื่องปรับอากาศสำหรับที่อยู่อาศัย หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง แต่ก็เป็นสารที่ก่อให้เกิดการทำลายโอโซนในชั้นบรรยายากาศโลกอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดดสภาวะโลกร้อน จึงมีการคิดค้นพัฒนาน้ำยาแอร์บ้านให้มีสารที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนน้อยลง ต่อมาน้ำยาแอร์ R410Aจึงได้ถูกคิดค้นและพัฒนาเพื่อมาแทนน้ำยาแอร์บ้าน R22 น้ำยาแอร์ตัวนี้เป็นสารทำความเย็นที่มีส่วนผสมของน้ำยา 2 ชนิด คือ R32 และ R125 ในปัจจุบันผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศนิยนใช้น้ำยาแอร์ตัวนี้ในการทำความเย็น สามารถหาซื้อได้ง่ายเช่นกัน ส่วนของเครื่องปรับอากาศที่ใช้น้ำยาชนิดนี้ หากพบเจอปัญหาน้ำยาแอร์รั่ว ต้องเติมน้ำยาแอร์ ทางช่างจะต้องทำการปล่อยน้ำยาแอร์ที่มีอยู่ในเครื่องทิ้งทั้งหมดก่อนที่จะมีการเติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่ เนื่องจากสารตัวนี้เป็นส่วนผสมของสาร 2 ชนิด ต้องมีปริมาณที่เท่ากันทุกครั้ง นอกจากการพัฒนาน้ำยาแอร์ R410A แล้ว ในขณะเดียวกันน้ำยาแอร์บ้าน R32 ก็เป็นน้ำยาแอร์บ้านทางเลือกอีกตัวหนึ่งซึ่งมาทดแทน R22 เช่นกัน มีคุณสมบัติไม่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศโลกเช่นเดียวกับ R410A แต่มีค่าที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนน้อยกว่า มีราคาที่ถูกกว่า